ผลของการระดม “ลงแขก” แจกการบ้าน ทำให้เกิดความสำเร็จในเนื้องาน
ตามปิดแฟ้ม “จิ้งจอกสังคม” ทรชนอย่าง ไอ้เด่น-เด่นภูมิ วัฒนโชติภิญโญ อายุ 39 ปี โมเดลลิ่งจอมปลอมหลอกบรรดาพริตตี้สาวไปตกเป็นเหยื่อกาม
แม้เจ้าตัวจะตีหน้าตายปฏิเสธเสียงแข็ง
อ้างเด็กสาวเหล่านั้นสมยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย
แต่ไม่ได้ช่วยให้รอดเงื้อมมือของกฎหมาย
คดีแรกผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 มอบหมายให้ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ลงไปคุมงานสืบสวนสอบสวน มี พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน พ.ต.ท.ไตรรัตน์ เพ็งนู รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน ร่วมกับ พ.ต.อ.ณกฤช บุญศักดิ์ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 9 และทีมสืบสวน
เมื่อดูจากพฤติกรรมไม่ใช่เป็นการล่อลวงขืนใจเหยื่อธรรมดา
ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาศาลอาญาธนบุรี ที่ 192/64 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2564
กระทำผิดฐาน “ ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้น ไม่สามารถขัดขืนได้ และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจ ”
ปรากฏมีสาวผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเข้าแจ้งความสถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล
พ.ต.อ.โชคชัย คณะเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล และ พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 7 พร้อมกำลังเข้าร่วมภารกิจติดตามตัว
มี พ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ส่งทีมออกล่าอีกชุดตามคำสั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พวกเขาวางแผนกระจายกำลังกันสะกดรอยเฝ้าจุดกดดันจน “ไอ้เด่น” เริ่มหมดทางไป
ไอ้เด่น-เด่นภูมิ วัฒนโชติภิญโญ ชีวิตเคยมีปัญหาเรื่องครอบครัว ประวัติไม่มีพ่อแม่ ใช้ชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก่อนจะมีพ่อแม่บุญธรรมมารับไปอุปการะตั้งแต่อายุ 3 เดือน
ส่งเสียเลี้ยงดูจนจบมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ต่อมากลับมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก่อนผันตัวมาทำงานเป็นพนักงานเชียร์แขกตามสถานบริการต่าง ๆจนทำให้รู้จักจุดอ่อน “หลอกผู้หญิง” รวมถึงรู้ว่า ต้องทำอย่างไรไม่ถูกแจ้งความดำเนินคดี
กระนั้นก็ตามเคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ประกอบด้วย คดีชิงทรัพย์ อาวุธปืน ยาเสพติด และคดีข่มขืนเมื่อปี 2561
พ้นโทษออกมาเที่ยวนี้อาละวาดไม่หยุด
แผนประทุษกรรมใช้โทรศัพท์สนทนากับหญิงสาวผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ปลอมตัวโดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นสาวประเภทสองและปลอมเสียงเป็นกะเทย ออกอุบายอ้างเป็น “โมเดลลิ่ง” รับจัดหาหญิงสาวทำงานกลางคืนไปส่งเหล้าให้ลูกค้าผู้ชายตามโรงแรม
หลายรายพลาดเป็นเหยื่อถูกจี้บังคับเสพยาเพื่อให้เกิดความมึนเมา ก่อนบังคับขืนใจ ถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ข่มขู่ “แบล็กเมล” ไม่ให้แจ้งความ
จากนั้นบังคับให้เหยื่อคนแรกหาเบอร์โทรติดต่อไปยังเพื่อนสาวรายอื่นเป็น “ลักษณะลูกโซ่” หลอกมาเป็น “ขยี้กาม” อีก
ขณะเดียวกันยังเข้าไปกลุ่มไลน์หญิงสาวทำงานกลางคืนเพื่อโพสต์ข้อความประกาศหาสาวชงเหล้าตระเวนล่าต่อ
ก่อเหตุมานับสิบราย แต่สาวผู้เสียหายหลายคนหวาดกลัวและอับอายไม่กล้าเข้าแจ้งความ
กระทั่งบางคนยอมเปิดเผยพฤติกรรมต่อสื่อมวลชน เพราะไม่ต้องการให้ “จิ้งจอกสังคม” ทรชนรายนี้ไปก่อกรรมทำเข็ญกับใครอีก
“ไอ้เด่น” ถูก มือกฎหมาย ออกติดตาม
ทว่าทีมสืบสวนนครบาลคลาดกันหวุดหวิด
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตัดสินใจมอบหมาย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม ส่ง พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม นำชุดปฏิบัติการสนธิกำลังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขอ “ร่วมเกม” ไล่ล่าด้วย
สุดท้ายผู้ต้องหา “พลาดท่า” โทรศัพท์ติดต่อกับลูกชายเป็นเหตุให้จนมุมบริเวณโยธิน เพลส คอนโนมิเนียม ซอยเพิ่มสิน 20แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
หลังพาตำรวจเหนื่อยกันอยู่หลายวัน ท่ามกลางความกดดันจากสังคม