อุ้มนักธุรกิจไต้หวัน

 

มีเพื่อนนักธุรกิจชาวไต้หวันหายตัวไปติดต่อไม่ได้

ชายคนหนึ่งกระวนกระวายมาที่ห้องสายสืบโรงพักทองหล่อให้ช่วยตามหา

บังเอิญ พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ นั่งอยู่จึงพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว

ได้ความว่า นายเวน ยู ชุง อายุ 60 ปี ชาวไต้หวัน ตัวแทนบริษัทมายกรีน คอนเซาท์ ติ้งแอนด์คอนเซียส จํากัด หายตัวไป หลังจากนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารโลลิว่า ซอยสุขุมวิท 36 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564

ไม่ทันข้ามวันมีการเจรจาขอ “เงินค่าไถ่ตัว” จากบริษัทแม่ที่ไต้หวันกับญาติเหยื่อรวมจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

คิดเป็นเงินไทยประมาณ 90 ล้านบาท

แต่บริษัทและญาติไม่ยอม

รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อยืนยันเหตุการณ์ข้อเท็จจริงพบเหยื่อถูกชายฉกรรจ์เข้าจู่โจมจับตัวล็อกคอใส่กุญแจมือพาออกจากร้านอาหารไปยังห้องพักที่เอ็นที เพลส สุขุมวิท สวีทส์ ห่างจากร้านเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร

มีนายตำรวจยศ พ.ต.ท.สวมเครื่องแบบ คุมเชิงกำกับอยู่ด้วย

การแกะรอยติดตามตัวเริ่มขึ้น ทว่ายังไม่ทันไรแก๊งคนร้ายยอมปล่อยตัวผู้เสียหายชาวไต้หวันที่บริเวณหน้าโรงพัก

เบื้องต้นพบว่า คนร้ายพา นายเวน ยู ชุง ออกจากห้องพักเอ็นที เพลส ไปยังร้านอาหารนาดิมอส ซอยสุขุมวิท 24 เพื่อพูดคุยกับคู่ความคนหนึ่งในความขัดแย้งเรื่องธุรกิจติดต่อซื้อถุงมือยางกับบริษัทแพดดีเดอะรูมเทรดดิ้ง จํากัด ที่แต่งตั้งให้บริษัทมายกรีน คอนเซาท์ ติ้งแอนด์คอนเซียส จํากัดของผู้เสียหายเป็นคนเจรจา ตั้งแต่ปลายปี 2563

อ้างว่าจ่ายเงินไปแล้วกลับถูกเบี้ยวของ

นายทุนใหญ่ถึงว่าจ้างชายฉกรรจ์มา “ดักอุ้ม” พร้อมให้โทรศัพท์ติดต่อกลับไปยังไต้หวันเพื่อขอเงินคืน

กลายเป็นเรื่องราวบานปลาย มีกลุ่มผู้ต้องหาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้เสียหายเซ็นชื่อไม่ติดใจเอาความ

นักธุรกิจต่างชาติวัย 60 ปฏิเสธและยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ประมวลเรื่องรายงานถึง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจปฏิบัติราชการกองบัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5

ก่อนนำ พ.ต.ต.อิธิธร ประเสริฐศักดิ์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ร.ต.อ.ภูดิศ บุญยฤทธิชัยกิจ รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจทองหล่อ พร้อมลูกน้องรวบรวมหลักฐานหาตัวคนร้ายจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อม

นานกว่าเดือนกระทั่งรู้ “ตัวละคร” ทั้งหมด

เป็นเหตุผลสรุปสำนวนขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดรวม 8 คน เป็นต่างชาติ 7 คน และคนไทย 1 คน

ในข้อหา “ร่วมกันเรียกค่าไถ่,พยายามฆ่า,อั้งยี่,ช่องโจร,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกชมขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือช่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือช่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”

ทันทีที่หมายจับเข้าสู่ “ถังออนไลน์” กำลังของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม มีความพร้อมอยู่ก่อนแล้ว พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผู้กำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม จึงนำชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานบุกเข้ารวบตัว

นายเจเรมี แมนเชสเตอร์ นายลูอิส ซิสกิน อดีตนาวิกโยธินชาวอเมริกันผ่านสมรภูมิรบสงครามอ่าวเปอร์เซียที่ผันตัวมารับงานทวงหนี้ พร้อมกับนายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ ผู้ต้องหาชาวไทย

ทั้ง 3 คนให้การภาคเสธ

ส่วนพวกที่เหลือกำลังติดต่อเข้ามอบตัว

สำหรับผู้ที่โดน “หมายหัว” มากสุด ไม่พ้นนายตำรวจระดับ “รองผู้กำกับ” สังกัดกองบังคับการตำรวจจราจรใกล้วัยปลดระวาง

รุ่มร่ามเข้ากลุ่มรับจ้างอุ้มทวงหนี้ต่างชาติใจกลางกรุง

RELATED ARTICLES