พ่อพูดตลอดว่า ต้องอดทน

นักข่าวสาวสายอาชญากรรมทีวีช่อง 8

“แพน” กานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ทายาท พ.ต.ท.ปัญญภาส สิทธิโชติพงศ์ อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ลูกคนเล็กของบ้าน มีพี่สาวอีกคนปัจจุบันทำงานอยู่ธนาคารกรุงเทพที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ขณะที่เธอก็เกิดและเติบโตอยู่ในสงขลา จบมัธยมปลายโรงเรียนวรนารีเฉลิม มีความฝันอยากเป็นนักข่าวอาชญากรรมมาตั้งแต่ต้น ด้วยความที่ไปช่วยพ่อพิมพ์สำนวนบนโรงพักเมื่อตอนเรียนมัธยม 2 ทำเอาดูดซึมคดีสารพันเข้าสมอง ประกอบกับได้หนุ่ย-จิรวัชร สิทธิโชติพงศ์ พี่ชายลูกของลุงที่ทำงานอยู่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐมาเล่าให้ฟังถึงการตระเวนข่าวอาชญากรรมอยู่บ่ายครั้งเวลารวมญาติยิ่งทำให้เธอมุมานะอยากเจริญรอยตาม

พอจบมัธยมปลายตัดสินใจไปเรียนคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัดใจจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพราะเริ่มมีเหตุการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ถึงขั้นไล่ยิงนักศึกษา “เป็นการออกจากอ้อมอกพ่อแม่ครั้งแรกในชีวิต อารมณ์แบบอยากลอง คิดว่า ปีกกล้าขาแข็ง เลยอยากไปเรียนไกลๆ แต่ปีแรกแย่หน่อย เพราะพอกลับบ้านมาไม่อยากกลับไปเลย โฮมซิก พ่อบอกจะกลับมาเรียนราชภัฏไหม หนูยังขอสู้ต่อ จากนั้นขึ้นปี 2- ปี 4 ติดเพื่อนเลยสนุก เลือกเอกหนังสือพิมพ์ยึดพี่ชายเป็นไอดอล”ลูกสาวหัวหน้าพนักงานสอบสวนชายแดนใต้ว่า

ต่อมาแพนได้เข้ามาฝึกงานตระเวนข่าวอาชญากรรมที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจว่าเป็นอาชีพใช่ในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเปล่า ก่อนไปฝึกงานต่อที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เก็บเกี่ยวประสบการณ์กระทั่งเรียนจบประสบอุบัติเหตุข้อเท้าเคล็ดอดคว้าโอกาสทำงานที่เนชั่น พักรักษาตัวหลายเดือนรอจนหายปกติไปสมัครงานใหม่เลยเข้าสังกัดหนังสือพิมพ์มติชนแทน

แพนเล่าว่า  โดนจับไปอยู่โต๊ะบันเทิงปีเดียวรู้ว่าไม่ใช่ตัวเราเลยจะขอลาออก บรรณาธิการเรียกไปคุยว่า อยากทำอะไร เลยตอบว่า อยากทำสายข่าวอาชญากรรม ถึงโยกมาลองขึ้นรถตระเวนข่าวอาศัยประสบการณ์ที่เคยผ่านค่ายหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่มา 2 แห่งทำให้ปั้นผลงานผ่านฉลุยก้าวเป็นคนข่าวอาชญากรรมเต็มตัวสมความตั้งใจสมัยวัยเด็ก

เมื่อถามถึงความผูกพันกับพ่อ ทายาทนายตำรวจยิ้มฟันขาวด้วยความภาคภูมิใจเผยความรู้สึกว่า สนิทกันมาก แต่รู้ว่า พ่อเป็นตำรวจต้องเป็นคนของประชาชน สัมผัสมาตลอดตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนั้นอ่อนไหวมาก เวลาเปิดเทอมที่ควรเป็นเวลาของครอบครัวแต่ไม่ว่าเลย ช่วงวันหยุดเทศกาลก็อยากไปเที่ยวกับพ่อเหมือนครอบครัวอื่น แต่เวลาเหล่านั้นกลับเป็นเวลาทำงานของพ่อ ห้ามลา ห้ามขาด ห้ามตาย “พ่อพูดตลอดว่า ต้องอดทน ครอบครัวต้องรองลงมาจากงานในหน้าที่ หนูก็ร้องไห้หลายรอบ โกรธพ่อที่ไม่พาไปเที่ยว แต่พอโตมาก็เข้าใจ และสงสารพ่อมากๆ ด้วย ยิ่งตอนนี้พ่อโดนย้ายไปอยู่นราธิวาสยิ่งเป็นห่วง”

เธอระบายว่า พ่อเกิดพัทลุง แต่ไปใช้ชีวิตตำรวจอยู่สงขลากระทั่งรู้จักแม่ วนเวียนมาเกือบตลอดชีวิตราชการก่อนถูกย้ายช่วยราชการไปนราธิวาส เพราะถูกกลั่นแกล้ง ทีแรกคิดว่า เดือนเดียว ตอนหลังย้ายขาดไปลงตากใบ เป็นช่วงสถานการณ์ชายแดนกำลังร้อนระอุ ขณะที่ตัวเองต้องเป็นเรียนเชียงใหม่ ทำให้รู้สึกเป็นห่วงพ่อมาก

“หนูบอกพ่อให้ลาออกเถอะ เดี๋ยวหนูเรียนจบ หนูเลี้ยงพ่อเอง พ่อสวนมาว่า จะบ้าหรือ มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าลาออกก็เท่ากับให้ลูกน้องมันถอนหงอก จริง ๆ แล้วพ่อเป็นตำรวจไม่ทิ้งอุดมการณ์ รักพรรคพวก รักลูกน้อง แต่หนูก็อดห่วงไม่ได้ โทรศัพท์คุยกันตลอด ยิ่งมีข่าวลอบวางระเบิดก็ยิ่งกลัว”

มีอยู่ครั้งแพนเล่าว่า ลูกน้องของพ่อที่ตากใบถูกบึมรถตายยกคัน วันนั้นพ่อต้องนั่งมาด้วย บังเอิญเรากำลังกลับมาจากเชียงใหม่ พ่อเลยอยู่เคลียร์งานเพื่อมาหาเราที่สงขลา ทำให้รอดหวุดหวิด แต่พอก็อดสงสารลูกน้องไม่ได้เป็นตำรวจหญิงถึง 2 คนที่ตกเป็นเหยื่อ วันนี้บอกตรง ๆ ว่า ยังกลัว นั่งภาวนาเมื่อไรจะถึงเดือนตุลาคม พ่อจะได้เกษียณอายุราชการกลับมาอยู่กลับครอบครัวเสียที ก่อนหน้ายุให้ลาออกก็ไม่ยอม พ่อบอกว่า เหมือนช่วงสุดท้ายของชีวิต ยังมีลูกน้องไม่เป็นงานอีกหลายคนที่อยากถ่ายทอดวิชา

“หนูภูมิใจพ่อ แต่ไม่ได้ภูมิใจว่า พ่อเป็นตำรวจ ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ บางคนมองว่าตำรวจจะเข้มงวดกับลูก แต่สำหรับพ่อหนูไม่ใช่ หนูชอบตรงที่พ่อเคยบอกว่า จำไปทำงานอะไรก็ไม่เป็นไรเงินเดือนจะได้เท่าไหร่ พ่อไม่ซีเรียส พ่อจะบอกว่า ขอแค่วันหนึ่ง ถ้าไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่แล้วหนูต้องอยู่ได้ในสังคม ต้องอย่าโง่” เธอทำสีหน้าจริงจัง

 

 

 

RELATED ARTICLES