แม่ทัพเปิดใจ

 

ไม่ได้หลบอยู่หลังม่านเวที แค่ยังไม่ได้เวลาเปิดเกมศึก

สไตล์ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สุขุม นุ่มลึก แต่เด็ดขาด

แล้วในที่สุด แม่ทัพต้องขยับออกโรงเพื่อวางแผนเตรียมรับมือผู้ชุมนุมครั้งสำคัญ เรียกประชุมคณะทำงานประกอบด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจปฏิบัติราชการกองบัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

หลังจากจับสัญญาณความร้อนแรงทางอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม “พวกฮาร์ดคอร์”

เจ้าตัวระบายความคิดเห็นครั้งแรกเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในรอบหลายเดือน ระบุความจำเป็นต้องใช้กำลังจากตำรวจต่างจังหวัดเข้ามาค่อนข้างมากสำหรับภารกิจดูแลความเรียบร้อยในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จวบจนปัจจุบันกินเวลาปีเศษ พล.ต.อ.สุวัฒน์แจงตัวเลขการชุมนุมในประเทศมีถึง 2,233 ครั้ง เป็นคดีเกี่ยวกับการชุมนุม 524 คดี

เขายอมรับว่า เป็นภาระที่บั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจไม่เคยบ่น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำ และเป็นภาระของประเทศชาติในสภาวะที่บ้านเมืองยากลำบาก ประชาชนยากลำบากเรื่องของการแพร่ระบาดโรคโควิด 19

“อยากจะฝากว่าจะกระทำการอะไรอย่าได้ซ้ำเติมความเดือดร้อนความเสียหายสุดท้ายก็เกิดขึ้นกับประเทศชาติ สังคมโดยส่วนรวม ขอให้คิดให้ดี”

แม่ทัพสีกากีไม่ได้ขู่ แต่ขอให้คิด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ยืนยันว่า คนที่กระทำผิดซ้ำคดีทุกเรื่อง ตำรวจต้องดำเนินคดีทุกเรื่อง ไม่เคยปล่อยปละละเลย แม้การดำเนินคดีจะช้าบ้างเร็วบ้าง ทุกคดีต้องมีผลลัพธ์ออกมา

“ขอให้ตระหนักถึงสิ่งที่ท่านทำมีผลกระทบอะไรบ้าง”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมองว่า มีการกล่าวถึงของประชาชนจำนวนมาก รู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจ ทำลายความรู้สึก พูดพาดพิงถึงสถาบัน เป็นเรื่องอ่อนไหวของคนในสังคม คนที่ทำไม่ว่าจะทำด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ ควรจะคิดว่า เป็นอันตรายอย่างยิ่ง สิ่งที่จะตามมาต้องรับผิดชอบ

เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มีตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย

“หลายครั้งที่ผ่านมา คนทำซ้ำก็ทำอยู่อย่างนั้น คนใช้ความรุนแรงก็ซ้ำ ๆ เราได้ใช้กฎหมายจริง ๆ ไม่มีอะไรนอกเหนือกว่านั้น และทำจนกว่าจะถึงที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามกระบวนการ ทุกครั้งหลายครั้ง”

การปฏิบัติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ยังบอกว่า เมื่อมีการกระทบกระทั่ง ความสูญเสียเกิดขึ้น ไม่มีใครอยากให้เกิด เมื่อกระทบกระทั่งแล้วยากที่จะควบคุม ใครคิดจะทำใครต้องรับผิดชอบ ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นผู้รักษากติกาของคนในสังคม ประชาชนประเทศชาติยากลำบากอยู่แล้ว ขอให้ทบทวนใหม่ไม่ว่าเหตุใดก็แล้วแต่

“ใครที่กลับใจเปลี่ยนใจได้ ผมก็ขอบคุณ”

สุดท้าย พล.ต.อ.สุวัฒน์ยืนกรานว่า ตำรวจจะพยายามปรับยุทธวิธีจัดการให้ได้ โดยเฉพาะกรณีที่จะไปทำลายสมบัติของแผ่นดิน ปรับเอาบทเรียนเก่ามาศึกษา

ตำรวจไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เปิดหน้าเดิมพันศึกครั้งสำคัญ

ท่ามกลาง “เกมกล” ของ “คนหลายฝ่าย” มุ่งร้ายทำลาย “เครดิตแม่ทัพ” ไปพร้อมกัน

RELATED ARTICLES