ว่ากันว่ายุค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นั่งแม่ทัพคุมสำนักปทุมวัน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใหม่แก่องค์กร
เป็นยุคสร้าง “ตำรวจมือสะอาด” ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุทธจักรสีกากี
เสียงวิพากษ์วิจารณ์คงดังอื้ออึงสนั่นโลกโซเชียล
ไม่มีใครเชื่อคำพูดอวยหน่วยตัวเอง
แต่วงสนทนาของ โลกในวงเล่า (เหล้า) กล้าเขย่าขยี้อารมณ์ คนโลกสวย ช่วยยืนยันการันตี
“มันเป็นยุคที่ตำรวจตกพกเจลแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือต่างหาก” ขี้เมาสีกากียิงมุกสด
ขำบ้าง ไม่ขำบ้าง
ท่ามกลางโลกแห่งความเป็นจริง อะไรเป็นสิ่งบ่งบอก “ตำรวจเลว” จากภาพความล้มเหลวของพฤติกรรม ผู้กำกับโจ้-พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์อย่างนั้นหรือ
ภาพของตำรวจตั้งด่านรีดไถเงิน ตลอดจนภาพของตำรวจใช้ความรุนแรงทำลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยใช่ไหม
แล้วมีใครมองย้อนกลับไปถึงปฐมเหตุ
ประเด็นเหยื่อของ “ผู้กำกับโจ้” พัวพันยานรกจริงตามท้องเรื่องหรือไม่
เบื้องหลังเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดในเมืองปากน้ำโพยิ่งใหญ่มีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหน
ใครเคยขุดคุ้ยบ้าง
ต่าง ๆ นานา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ อวดรู้ อวดเก่ง เฉ่งยับองค์กรตำรวจ อวดภูมินักวิชาการ วิชาเกินของ “คนหน้าเดิม”
เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ตำรวจ
จุดชนวน ความเคียดแค้น ชังชัง ปลุกพลังแนวร่วมเพียงแค่สะกิด “แผลเก่า” ทำเอาเลือดกระเด็นเป็นสายกระจายทั่วทุ่ง
นึกถึงเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผลงานจับตายหัวหน้าแก๊งลักรถตัวเอ้ สุพจน์ พูลสวัสดิ์ เจ้าฉายา “พจน์ มือกาว” ประวัติยาวเหยียด กลายเป็นรอยด่าง “เปื้อนมือ” ของตำรวจสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1
พวกเขาทำเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่ชาวบ้าน
เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง เพื่อให้สุจริตชนนอนหลับ ไม่ต้องพะวักพะวงกับทรัพย์สินที่โจรผู้ร้ายจ้องลงมือก่ออาชญากรรม
“ตำรวจไม่ใช่ศาล ไม่มีสิทธิตัดสินประหัตประหารใคร” หลายคนชูจั๊กกะแร้สนับสนุน
หนุนให้ ปฏิรูปองค์กรตำรวจ ที่เต็มไปด้วยข้อหา ทุจริต อุ้มฆ่า ลักพา สูญหาย
ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการทรมานบังคับให้ผู้ต้องหาสารภาพ (ที่ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อศาลยังไม่มีพิพากษาตัดสิน)
ต้องยอมรับตำรวจบางคนนอกลู่ นอกทางและนอกแถว
แต่ส่วนใหญ่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าตั้งใจ หรือพลั้งเผลอ ไม่เคยทำด้วยอารมณ์โกรธแค้นส่วนตัว หรือหวังผลประโยชน์เข้ากระเป๋า
ใครไม่ตกเป็นเหยื่อ ใครไม่มีญาติเป็นผู้เสียหาย ใครไม่เคยทรัพย์สินสูญหายจากการโจรกรรม ใครไม่เคยได้รับชะตากรรมถูกตามฆ่า
คงไม่เห็นคุณค่าของตำรวจ
ตำรวจที่ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชน เสียสละเวลาอุทิศตนจากความสุขที่จะได้อยู่กับครอบครัว ออกไปดูแลใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้จัก ไม่ใช่ญาติสนิท มิตรสหาย
พวกเขากระหายจะกวาดล้างผู้กระทำความผิดป้องกันชีวิตสุจริตชนแทบทุกวัน
ตอกย้ำตรงนี้ได้เลยว่า ไม่มีตำรวจคนไหน ใสสะอาดบริสุทธิ์ เครื่องแบบไม่เคยคราบสกปรกจาก “เขม่าสังคม”
อยู่ที่จะเทาน้อย เทามาก หรือดำสนิท
ถ้าตำรวจคนไหนออกมาพูดยกยอปอปั้นว่า “ตัวเองเป็นคนดี” ขอให้รับรู้ไว้ว่า “นั่นแหละเลวที่สุด”
โกหกได้แม้กระทั่งตัวเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น พฤติกรรมของตำรวจที่ถูก “ตีตราเลว” แท้จริงพวกเขา “ทำเลว” นอกกรอบกับ “พวกคนเลว”กระทำผิดกฎหมาย
สุจริตชนคนดีไม่มีตำรวจนายไหนจะไปรังแกและพร้อมดูแลช่วยเหลือปัดเป่าบรรเทาทุกข์อยู่เคียงข้างกายด้วยอุดมการณ์กับจิตวิญญาณความเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
ฝากไว้แด่คนโลกสวย