ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณ แชร์เรื่องราวดีที่ “บิ๊กแป๊ะ”ถิรชัย วุฒิธรรรม ยังเอาไปอ่านออกอากาศในรายการ มอร์นิ่งทอล์ก บอกเล่าชาวกีฬา คลื่น Active Radio F.M. 99
ฟังแล้วนึกภาพตามจะขนลุกไม่น้อย
เรื่องของ “นักเรียนที่ถูกเฆี่ยนเป็นประจำ”
เริ่มต้นจาก “ครูสมชาย“ ตั้งกติกาเอาไว้ว่า “ถ้าใครมาสายจะถูกครูเฆี่ยน“
ปรากฏว่า ลูกศิษย์คนหนึ่งมาสายทุกวัน แม้จะถูกครูเฆี่ยนทุกวัน ๆละสามที แต่ก็ยังมาสายไม่หยุด ราวกับว่าไม่รู้จักเข็ดหลาบ
เขาทนถูกครูตีทุกวันจนเรียนจบ
30ปีต่อมาโรงเรียนต้องการทำป้ายโรงเรียนใหม่ให้สมศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการขอให้ครูสมชายโทรไปหาลูกศิษย์คนนี้ที่ตอนนั้นเป็นตำรวจคุ้มครองเหมืองหินอ่อนอยู่
ครูสมชายรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะมั่นใจว่า ลูกศิษย์คนนี้ไม่มีวันลืมรอยไม้เรียวของครู แต่เมื่อออกปากขอความช่วยเหลือ ลูกศิษย์กลับตอบทันทีว่า “ได้เลยครับ ไม่มีอะไรขัดข้อง”
ครูสมชายถึงกับอึ้งไปเลย จากนั้นก็บอกความในใจว่า “ครูขอโทษนะที่สมัยเรียน ครูตีเธอทุกวันเลย”
แต่เขาไม่โกรธครูเลย
แล้วก็เล่าความจริงให้ฟังว่า ตอนนั้นเขาเป็น “เด็กวัด“ ต้องตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต หลวงพ่อท่านชรามากจึงเดินช้า กว่าเขาจะกลับถึงวัดและได้กินข้าวก้นบาตรก็ได้เวลาเรียนแล้ว และยังต้องเก็บข้าวไว้กินตอนเย็นอีก1มื้อ
“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรจะกิน เลยต้องมาโรงเรียนสายทุกวัน”
ครูสมชายเพิ่งถึงบางอ้อตอนนั้นเอง
แล้วลูกศิษย์ก็พูดต่อว่า “ครูครับ ไม่ต้องเสียใจหรอกครับ ถ้าครูไม่เฆี่ยนผม ป่านนี้ผมอาจจะเป็นโจรไปแล้วก็ได้ อาจจะไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจอย่างนี้ครับ”
เวลาผ่านไปนานถึง30ปี ครูสมชายถึงเพิ่งรู้ว่า ลูกศิษย์คนนี้ไม่ได้เกกมะเหรกเกเร หากเพียงแต่แค่ครูถามสักคำว่า ทำไมเขามาสายเป็นประจำก็คงจะไม่ลงโทษมากมายขนาดนั้น
แม้ชีวิตจะดูเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลำบากยากแค้นแล้วยังไม่วายถูกครูเฆี่ยนทุกวันราวกับเป็นเด็กเหลือขอ แต่เจ้าตัวไม่ได้ก่นด่าชะตากรรม
ยังขอบคุณครูที่ตีเขาจนได้ดี
น่าเสียดายที่คนที่เห็นความดีของเขานั้นมิใช่ “ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง” มิเช่นนั้นเขาคงมีชีวิตที่สุขสงบในบั้นปลาย
“สมเพียร แซ่เจ่ง” คือ ลูกศิษย์คนนั้น
“สมเพียร” ที่ต่อมาเปลี่ยนนามสกุลเป็น “เอกสมญา”
หลายคนรู้จักในนาม “จ่าเพียร ขาเหล็ก” นักรบแห่งเทือกเขาบูโด
พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้รับการเลื่อนยศเป็น พล.ต.อ.แลกด้วยชีวิตที่เสียสละปกป้องแผ่นดินเกิด
แลกกับ“ผู้เป็นนายใจแล้ง”