กาลเวลาฆ่าความทรงจำไปแล้วมากมายเป็นยิ่งกว่า “นวนิยายชีวิต” ของใครหลายคน
ผ่าน 5 ปีแห่งความสูญเสีย “ดาบยักษ์” ด.ต.อนิรุทธ จันทะวงษ์ ทีมเก็บกู้วัตถุระเบิด “ชุดวินิจ” ที่ต้องพลีร่างสังเวยความรุนแรงในสมรภูมิรบปลายด้ามขวานเป็นเพียงเรื่องเล่าปรัมปราชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
ไม่ต่างจากเรื่องราวของ “หมวดท็อป” ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิตย์ สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ช่วยราชการหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งใน “วีรบุรุษไฟใต้” ที่ยังมีลมหายใจ
ลมหายใจที่ยังอยู่อย่างเดียวดายกับร่างกายที่ไม่เหมือนเก่า
“ถ้ากลับมาได้เหมือนเดิมก็ยังอยากไปสู้เหมือนเดิม” เจ้าตัวเคยวาดความหวัง แต่วันนั้นยังไม่มีวันเป็นจริง
นายตำรวจหนุ่มนักกู้ระเบิดกระดูกเหล็ก “หัวใจแกร่ง” จมปลักอยู่กับกองรอยอดีตที่ไม่อาจหวนคืน
เขาได้ครอบครัวและคนรอบข้างเป็นกำลังใจขับเคลื่อนให้ตัวเองฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ฮึดสู้ทุกวัน เพื่อพ่อแม่ และ “น้องเอวา” นางฟ้าตัวน้อย
ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อเช้าวันที่ 14 กันยายน 2560 นายมนูญ พรหมน้อย นายอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ญาณพงศ์ อุบลบาน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกาบัง ในขณะนั้น นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนบ้านตาเต๊าะ หมู่ 5 ตำบลกาบัง ที่หักโค่น มีเศษชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตัวจุดชนวนระเบิดกระจัดกระจาย หลังจากถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบป่วนเมื่อตอนกลางดึกเพื่อสร้างสถานการณ์
ส.ต.ธเนศ พุทโธ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 บ้านสะปาเราะ หมู่ 5 ตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา พร้อมชุดปฏิบัติการ 5 นายตามไปสมทบเพื่อหาข้อมูล ระหว่างรถแล่นมาถึงบ้านปาแดรู หมู่ 1 ตำบลหาตอง อำเภอยะหา ห่างจากจุดคนร้ายระเบิดเสาไฟฟ้าราว 10 กิโลเมตร กลุ่มก่อความไม่สงบได้กดบึมที่ซุกกอหญ้าใกล้เสาหลักทางโค้งริมถนนสาย 4060 (ยะลา-กาบัง) เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นเหตุให้ ส.ต.ธเนศ พุทโธ หัวหน้าชุดบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ขณะนั้นนำกำลังตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดชุด ศรศึก-ศรชัย ของกองกำกับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพร้อมชุดวินิจของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปรากฏถูกคนร้ายดักวางระเบิดสังหารซ้ำในบริเวณที่เกิดเหตุ
อานุภาพของแรงระเบิดส่งผลให้ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี เกิดอาการจุกแน่นหน้าอกและหูอื้อ ทัพนักข่าวและตำรวจทหารได้รับบาดเจ็บกันระนาว
อาการหนักสุดคือ ด.ต.อนิรุทธ จันทะวงษ์ ทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดชุดวินิจที่สุดท้ายต้องสังเวยชีวิตเซ่นความรุนแรง
ขณะที่ “หมวดท็อป” ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิตย์ หัวหน้าทีมบาดเจ็บสาหัสนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ก่อนลำเลียงไปรักษาต่อที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดยะลา
ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงระเบิดนอนไม่รู้สึกตัวอยู่อยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา สะเก็ดระเบิดฝังเข้าไปในสมอง แพทย์เอาออกมาได้บางส่วน ต้องย้ายไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
อาการวิกฤติชีวิตอยู่บนเส้นด้ายของความเป็นความตาย สมองบวม มีอาการหนักเลือดไหลซึมออกมาทั้งสมอง รูหู และเส้นประสาทตาถูกทำลาย
ตอนนั้นเขาเป็นนายตำรวจมีอนาคต และกำลังจะได้เป็นพ่อคน เมื่อภรรยาท้องได้ 8 เดือนใกล้คลอดเต็มที
“เอวา แปลว่านางฟ้าครับ” หมวดท็อปไม่เคยลืม เขาเป็นคนตั้งชื่อลูกสาวตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่เคยคิดว่าจะหมดโอกาสเห็นหน้านางฟ้าตัวน้อยตอนลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทว่า “กิ๊ฟ”เนตรนรินทร์ ถิ่นกาญจน์ วิสัญญีแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้เป็นภรรยายังมีความหวัง
เธออุ้มท้องไปเฝ้าอาการสามีอยู่ข้างเตียง พยายามประคองมือสามีมาสัมผัสท้องเพื่อสื่อสารสายสัมพันธ์ถึงลูกสาวตัวน้อยในครรภ์
มันเป็นความรู้สึกหดหู่และทรมานที่สุดของเธอ ทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงปีเศษ แต่ต้องมีเหตุเกือบต้องพลัดพรากจากกัน
ผ่านไปเดือนเศษผู้หมวดหนุ่มอีโอดียังแทบไม่รู้สึกตัว เนื่องจากสูญเสียกะโหลกหนึ่งซีก ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพฤกษ์อ่อนแรง ต้องใช้เวลาพัฒนาการก่อนตอบสนองปฏิกิริยาพยักหน้า บีบมือ และเหลือกตาไป–มาได้
เทพ เทพสถิตย์ บิดาของเขาทำงานอยู่ที่กรมชลประทาน จังหวัดเชียงใหม่ แทบจะไม่เป็นอันกินนอนพอรู้ข่าวลูกชายโดนระเบิด เช่นเดียวกับ พยูร เทพสถิตย์ ผู้เป็นมารดา
ทั้งคู่เดินทางจากเชียงใหม่บินมาเฝ้าดูอาการลูกชายคนเดียวที่โรงพยาบาล
ทุกคนช่วยกันอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้หมวดหนุ่มนักกู้ระเบิดอาการดีขึ้น
เกือบ 2 ปี ที่เขาจมอยู่ในโรงพยาบาลแทบไม่เห็นแสงสีข้างนอก ไม่ได้เที่ยวเหมือนคนปกติ
พยูร เทพสถิตย์ ยอมลาออกจากงานมาเฝ้าลูกชายได้รับเลือกเป็น “แม่ดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2561 ทว่าความภูมิใจในโล่รางวัลแลกกับชีวิตปกติของลูกไม่ได้
อาการของหมวดท็อปดีขึ้น แพทย์โรงพยาบาลตำรวจอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านเกิดของพ่อในอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ทำกายภาพบำบัดทุกวัน ท่ามกลางความหวังของเจ้าตัวที่จะหายเป็นปกติ พลิกฟื้นชีวิตคืนไปทำหน้าที่ตำรวจนักกู้ระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง
คืนวันผ่านนานกว่า 2 ปี เขายังสู้ แต่มันไม่เหมือนเดิม
พ่อกับแม่แก่ลงทุกวัน การเดินทางไปโรงพยาบาลตามนัดหมอแต่ละครั้งแสนลำบากยากเย็น
เงินสวัสดิการเริ่มร่อยหรอ แต่เจ้าตัวไม่มีสิทธิตัดพ้อ
อดทนอยู่กันไปจนกว่าจะตายจากกันไป
อย่างน้อยครั้งหนึ่งได้ชื่อเป็น “วีรบุรุษอีโอดี”