“หนูอยากเป็นนักข่าวอาชญากรรม”

าวนักข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เกด”อาภาพร เทศทองดี สังกัดหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  เกิดเมืองกรุง จบมัธยมต้นโรงเรียนวัดทองเพลง ย่านฝั่งธนบุรี ก่อนเปลี่ยนแนวเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ลงแผนกวิชาคหกรรม ทั้งที่ตัวเองอยากเรียนช่างภาพ แต่ผู้พ่อไม่สนับสนุนอยากให้เรียนบัญชี เพราะหางานทำง่าย ขณะที่ช่างภาพมันต้องใช้ทุนเยอะ เจ้าตัวเลยประชดลงแผนกคหกรรม ไปเรียนร้อยมาลัย ตัดเย็บ ทำอาหารแทน

พอจบระดับอาชีวะต้องเข้ามหาวิทยาลัย เกดบอกพ่อว่า ขอเลือกในสิ่งที่ชอบก็แล้วกัน เธออยากเป็นนักข่าว คราวนี้ผู้พ่อตามใจ เด็กสาวจึงเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี คณะนิเทศศาสตร์ เอกการประชาสัมพันธ์ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ “หนูอยากเป็นนักข่าวอาชญากรรม เพราะรู้สึกมันลุยดี ชอบนักข่าวตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม เห็นเขารายงานข่าวออกโทรทัศน์แล้วรู้สึกว่ามันคือความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักข่าว”เธอให้เหตุผลในการเลือกลงเรียนสายนี้

พิราบค่ายสีบานเย็นเล่าว่า ระหว่างเรียนได้เข้าฝึกงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ไม่ได้ทำข่าวอาชญากรรมอย่างที่หวัง เพราะที่นั่นมองเราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เขาถามว่า ถ้าอย่างนั้นอยากทำข่าวอะไร เลยบอกไปว่า อยากทำข่าวท่องเที่ยว ปรากฏโต๊ะข่าวท่องเที่ยวเต็ม สุดท้ายเลยต้องไปทำโต๊ะข่าวเศรษฐกิจ ทั้งที่จริง ๆ ไม่ขอบอะไรที่เกี่ยวกับตัวเลข ไปอยู่สายหุ้น ทรมานมากด้วยความไม่อยากทำ ถึงขนาดไม่อยากตื่นไปฝึกงาน ไปประจำอยู่ตลาดหลักทรัพย์นาน 2 เดือนกว่า เหมือนเด็กใหม่ไปเรียนรู้กับโบรกเกอร์ เช็กภาวะตลาดหุ้นเป็นเบสิก โทรศัพท์หาโบรกเกอร์ทุกวัน ไม่ค่อยรู้เรื่องคำศัพท์อะไรของเขาก็ต้องคอยพยายามจด เพราะเขาก็เหมือนเป็นครูเราคนหนึ่งด้วย

หลังเรียนจบ เกดเข้าสมัครทำงานเป็นตัวแทนบริษัทเทเวศประกันภัย ทำหน้าที่เกี่ยวกับคีย์ข้อมูล ไม่ได้เกี่ยวกับที่ร่ำเรียนมาเลย แค่คิดว่าขอให้มีงานทำงานก่อน อยากช่วยเหลือที่บ้าน ไม่นานมีพี่นักข่าวสายเศรษฐกิจสมัยฝึกงานโทรมาชวนไปทำหนังสือพิมพ์โลกวันนี้อยู่ประจำสายหุ้น เจ้าตัวสองจิตสองใจลังเลก่อนตกลงลองอีกสักครั้งเผื่อไปเรียนรู้ใหม่ อย่างน้อยคิดว่า เป็นงานที่ตรงกับที่เราเรียน

ทำไปทำมาอยู่โลกวันนี้ 5 ปี ถึงถูกทาบทามย้ายค่ายมาอยู่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แต่ยังคงอยู่สายข่าวเศรษฐกิจ “ ความใฝ่ฝันก็ยังอยากทำข่าวสายอาชญากรรม คิดว่า มันคงไม่ได้ แต่ความใฝ่ฝันที่จะมาทำงานเป็นนักข่าวอย่างน้อยมันก็บรรลุไปหนึ่งแล้ว น้อยคนที่จะได้ทำตามความฝันตัวเองแบบนี้” เกดระบายความรู้สึกและถ่ายทอดเรื่องราวต่อว่า ประจวบเหมาะนักข่าวสายราชสำนักขาด รุ่นพี่เลยเสนอให้ลองไปทำดู ได้ไปเฝ้าในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งน้อยคนนักจะมีโอกาสแบบนี้ ตอนแรกก็คิดอยู่ เพราะเปลี่ยนแนวมากจากสายเศรษฐกิจไปอยู่สายเจ้า

นักข่าวสาวเฝ้าอยู่โรงพยาบาลศิริราช 5 เดือนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับวังไกลกังวล คราวนี้เลยถูกส่งไปทำหน้าที่วิ่งข่าวเฉพาะกิจควบคู่กับรถตระเวนข่าวอาชญากรรม “ใหม่ๆ ตอนแรกก็ยังรู้สึกกลัว เรายังไม่รู้วิธีของข่าวอาชญากรรมว่า เขาเก็บข้อมูลอะไรบ้าง พอเพิ่งได้ทำ ออฟฟิศโทรศัพท์มาจี้ให้ส่งข่าว หนูเลยบอกว่า เพิ่งมาวันแรก ขอเวลาหน่อยนะ มาวนเวียนข่าวอาชญากรรมสมใจ พี่ ๆ เขาถามว่ากลัวศพไหม แล้วสอนว่า อยู่อาชญากรรมต้องปรับตัวนะ ห้ามกลัว ก็ปรับสภาพ ตอนนั้นก็มีท้อนิดหน่อย แต่ไม่ท้อมาก เพราะหนูคิดว่ามันเพิ่งเริ่ม หนูอาจจะต้องเจออะไรที่มากกว่านี้”

วิ่งข่าวเฉพาะกิจเดือนกว่า เธอได้มาประจำอยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เกดบอกว่า เขาคงคิดว่า เราน่าจะทำได้ ยังคิดว่าจะทำยังไงดีจะเข้าหาผู้ใหญ่ ตำรวจยังไง เพราะใจจริงตอนนั้นไม่ชอบตำรวจเลย พอได้มาอยู่ ค่อยๆ เรียนรู้ว่าใครเป็นใคร อะไรยังไงก็เริ่มชินแล้ว แต่ต้องเรียนรู้ต่อไป เพราะยังไม่เก่ง อย่างการประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ ใครเป็นใครต้องเรียนรู้  มานั่งดูรูปในกูเกิ้ล เขาเป็นใคร ประวัติมาจากไหน ทว่าส่วนมากจะทำงานแบบเป็นรูทีน มีนักข่าวรุ่นพี่อีกคนคอยทำเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะต้องเก็บประสบการณ์ให้มากกว่านี้

ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร นักข่าวเดลินิวส์ว่า หวังอยากจะเป็นนักข่าวอยู่ ทั้งที่ จริงๆ ก็อยากมีอาชีพอิสระเป็นของตัวเอง แต่เราต้องมีเงิน มีทุน ตอนนี้เลยของทำตามฝันก่อน ถือว่า สำเร็จ 2 อย่างแล้วคือ ได้มาเป็นนักข่าว และได้มาอยู่สายอาชญากรรม แถมสวมบทเป็นนักข่าว 2 สาย คือ สายเจ้า กับ สายโจร แต่งตัวกระชากกันไปเลย

 

 

 

 

RELATED ARTICLES