นักข่าวสาวน้องใหม่ค่ายพระราม 4 ช่อง 3 HD
“เฟิน” วรัทยา ปัทมวิทูร ชาวกรุงเทพมหานคร พ่อทำงานบริษัทญี่ปุ่นในเมืองไทย ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน จบประถมโโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ ไปต่อมัธยมโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มีความฝันอยากเป็นนักข่าวตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 ด้วยความเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ทุกวันอาทิตย์บ้านจะรับหนังสือพิมพ์มาแล้วหยิบไปเปิดอ่านประจำ เหมือนเสพข่าวไปไม่รู้ตัว
เจ้าตัวเล่าว่า ขณะเดียวกันยังชอบดูข่าวทีวี ไม่ดูการ์ตูน พอปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่บ้านอยู่แถวรามคำแหงเป็นพื้นที่สีแดง ต้องอพยพไปอยู่บ้านยายที่ชัยนาท จำได้ว่า ดูข่าวรายงานสถานการณ์อุทกภัยทุกวัน เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้น ได้เห็น แยม-ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ยืนรายงานข่าวในน้ำ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์รายงานด้วย ทำให้อยากเป็นบ้าง อยากไปอยู่ตรงนั้น คิดว่าเท่
กระทั่งวันหนึ่ง เฟินบอกว่า แม่พาไปเที่ยวเขื่อนเรียงหินในจังหวัดชัยนาท พี่สาวให้ลองเอาโทรศัพท์มือถือโนเกียอัดคลิปพูดรายงานข่าวแบบแยม-ฐปนีย์ประมาณ 2 นาที พูดไปเรื่อย เห็นอะไรก็พูด เสร็จแล้วเอาคลิปมาดู แม่บอกว่า ใช้ได้ ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจและสนใจอยากเป็นนักข่าว ก่อนหาข้อมูลว่า ต้องเรียนอะไร ทำอะไรและจะไปทางไหน
พอเรียนจบจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เธอสอบเข้าคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามที่วางแผนไว้ตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 สำเร็จ เลือกเอกวิทยุโทรทัศน์ ไม่ได้แนวหนังสือพิมพ์ เพราะต้องการมุ่งตามฝันเป็นนักข่าวทีวีเหมือนแยม-ฐปนีย์ จากนั้นปี 3 ได้ฝึกงานอยู่สถานีไทยพีบีเอส เรียนรู้ระบบงานภายในสตูดิโอ
สุดท้ายเส้นทางของเธอพบกับแยม-ฐปนีย์ เอียดศรีไชย ตัวจริง เมื่อได้ขยับไปฝึกงานกับเดอะรีพอตเตอร์ เพจข่าวที่เพิ่งเริ่มต้นก้าวแรก เป็นจังหวะคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดประกวดสารคดีเชิงข่าว มีแยม-ฐปนีย์เป็นกรรมการอบรม เธอไม่ลังเลที่จะเข้าไปถ่ายรูปคู่กับไอดอลคนข่าวสาวพันธุ์แกร่ง พูดคุยถึงประสบการณ์การทำงาน พร้อมสารภาพว่า ชอบหล่อนมากและอยากเป็นนักข่าวเหมือนกับหล่อน
ผลการประกวดสารคดีเชิงข่าวได้ที่ 2 อาจารย์ที่ปรึกษาถึงแนะนำให้เธอไปฝึกงานที่เดอะรีพอร์ตเตอร์ เจอกันวันแรก แยม-ฐปนีย์มองตั้งแต่หัวยันเท้าคิดในใจว่า เด็กคนนี้จะไหวหรือ กระนั้นก็ตาม เฟินได้โอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ข่าวนาน 4 เดือนในฐานะนักศึกษาฝึกงาน ก่อนได้สวมบทเป็นนักข่าวตัวจริงสังกัดเดอะรีพอร์ตเตอร์ เหมือนกับเห็นแววว่า เธอทำงานได้ ร่วมกันปั้นเพจข่าวขึ้นมาจากที่คนไลค์ไม่เท่าไหร่จนยอดทะลุถึงแสนแปด
“ดีใจกันมากที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา” เฟินระบายความรู้สึก แต่แล้วต้องจำใจโบกมือลาต้นสังกัด “มันคือความฝันของหนู อย่างที่บอกว่า หนูอยากยืนรายงานแบบพี่แยม แม้ตอนอยู่ของเดอะรีพอร์ตเตอร์ก็ได้รายงาน แต่มันเป็นไลฟ์ออนไลน์ผ่านเพจ หนูชอบนะ ชอบพูด แต่เหมือนมันยังเป็นความฝัน คือจะดี หรือไม่ดี ไม่รู้ แต่เป็นภาพที่อยากจะไปทำข่าวทีวี ในวันที่มีพี่นักข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ชวนไปสมัครงาน”
“ จริงๆ คือ พี่แยม เคยถามว่า ใครสนใจข่าวด้านไหน แล้วพี่แยมจะผลักดัน หนูก็บอกว่า หนูชอบข่าวสังคม ข่าวอาชญากรรม แต่เดอะรีพอร์ตเตอร์ ส่วนมากจะเน้นการเมือง พอมีข่าวอาชญากรรมโผล่มา ข่าวสังคมโผล่มา พี่แยมจะแบบดันให้หนูไปทำ ให้หนูไปลอง แล้ววันหนึ่ง หนูก็ได้ไปรู้จักกับพี่ ๆ นักข่าวอาชญากรรมที่ช่อง 3 บอกว่า มีตำแหน่งว่างจะมาไหม หนูรู้สึกว่า อยากลองทำ”
เฟินรับว่า ลำบากใจเหมือนกันที่ต้องไปคุยกับแยม-ฐปนีย์ นักข่าวมากฝีมือที่เป็นไอดอลวัยเด็กถึงการต้องออกจากเดอะรีพอตเตอร์ไปสังกัดช่อง 3 ค่ายเก่าของแยม-ฐปนีย์ โชคดีที่สาวนักข่าวรุ่นพี่ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ปิดกั้นเส้นทางสู่โลกใหม่ บอกกับเธอว่า อยากส่งเสริมเพราะพาน้องมาส่งได้สำเร็จ ดีใจที่ได้ไปอยู่ช่อง 3
“ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หนูตัดสินใจง่ายที่จะมาอยู่ช่อง 3 เพราะว่า พี่แยม เป็นไอดอลของช่อง 3 คือหนูไม่รู้หรอกว่า ดีหรือไม่ดี เพราะว่า ตอนเด็ก หนูก็ดูแต่ช่อง 3 ดูข่าวช่อง 3 ดูพี่สรยุทธ สุทัศนะจินดา พอมาทำข่าวช่อง 3 เต็มตัว มีงานมากกว่าที่เคยทำสมัยเดอะรีพอตเตอร์ ต้องลงพื้นที่ ต้องคิดเอง หาประเด็นเอง ไปเจาะตรงนั้นตรงนี้ เหมือนเป็นนักสืบ” เฟินว่า
สาวน้องใหม่ของข่าวช่อง 3 บอกอีกว่า แรก ๆ ยังทำได้ไม่ได้ เพราะไม่เคยจนบรรณาธิการต้องแนะนำให้แตกประเด็น ต่อยอดเนื้องาน เหมือนสมมติคืนเกิดเหตุหนึ่งขึ้นมา ตอนเช้าต้องไปตาม ความสนุก คือ ต้องคิดว่า จะไปคุยกับใครได้บ้าง เราจะไปลงพื้นที่ที่ไหนบ้าง ทำให้เราชอบ “สาเหตุที่ทำให้เราชอบข่าวอาชญากรรม เพราะคิดว่า มันคือ สตอรี่ ข่าวหนึ่งข่าว มันคือ เรื่องหนึ่งเรื่อง เหมือนเรื่องสั้น ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีเหตุผลอะไร”
เธอย้ำว่า การที่เราลงไปเจาะ ลงไปดู ก็เหมือนเราอยากรู้ เราไม่ได้แค่นั่งดูอย่างเดียว แต่เราต้องสงสัยต้องหาคำถาม บางทีเจออะไรที่เป็นแง่มุมใหม่ๆ ทำให้รู้สึกว่า มีอย่างนี้ด้วยหรือ คือ สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของข่าวอาชญากรรมต่างจากข่าวการเมือง ข่าวสังคม ปัจจุบันยังมีความสุข ชอบกับการทำงานข่าว และยังอยากทำต่อไปอีก เนื่องจากยังไม่เก่ง ยังต้องเรียนรู้ ได้เจอข่าวใหม่ เจอรูปแบบที่ไม่เคยเจอ ได้เรียนรู้ไปทุกวัน ฝึกไปทุกวัน รู้สึกยังต้องฝึกอีกเยอะ
