“คำว่า เจ้าพ่อ อย่าเรียกผมเลย ผมกลัว”

 

ถูกนักการเมืองคนดังลากเอาพาดพิงอยู่เบื้องหลังเปิดบ่อนพนันทำตัวเป็นอิทธิพลในท้องทุ่งบางกะปิ แถมมีอดีตนายพลตำรวจเอกคอยเกื้อหนุนปกป้องผลประโยชน์

วันนี้ สมหมาย สกุลเมตตา เจ้าค่ายมวย ส.สมหมาย ยอมเปิดตัวระบายความในใจว่าแท้จริงแล้วหนุ่มใหญ่วัย 50 เศษคนนี้เป็นอย่างที่โดนครหาหรือไม่

เขามีพื้นเพเดิมอยู่จังหวัดปทุมธานี เกิดในครอบครัวยากจนรับจ้างทำสวนปลูกผัก ผู้พ่อได้ภรรยา 2 คน มีลูกทั้งหมด 12 คน สมหมายเป็นคนที่ 3 ที่เกิดจากภรรยาคนแรก ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กหลังเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยความที่แม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนต่อ ต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำสวนปลูกผักสวนครัว

เจ้าตัวบอกว่า ทำสวนก็เหมือนเป็นทาสเขา เพราะไม่ใช่ที่ดินเรา ต้องไปเช่าปลูกส่งให้เจ้าของที่ดิน เขาถึงให้เงินเรามาใช้ ทำกันเป็น 10 ไร่ ปลูกตั้งแต่ ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง มะเขือ กะเพรา โหระพา อยู่หลายปี ลำบากมาก ถามว่า อยากเรียนไหม อยากนะ แต่บอก ไม่มีเงิน อย่าเรียนเลย สุดท้ายอาศัยไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่โรงเรียนปทุมวิไลตอนเย็นหลังทำสวนเสร็จแล้ว ต้องไปเรียนทุกวัน เลิกกลับถึงบ้านก็ประมาณ 4 ทุ่ม เช้าก็ตื่นมาทำสวนต่อ จบมาได้เทียบวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไม่รู้จะทำอย่างไรชีวิตมันได้แค่นี้

พออายุครบเกณฑ์ทหาร โชคดีจับได้ใบดำไม่ต้องไปเป็นทหาร ยังคงวนเวียนขายผัก ร่วมกับพี่ชายไปขายในเมืองนนทบุรี และปากเกร็ดบ้าง ธุรกิจก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาได้ภรรยาพากันเอาผักไปขายตลาดบางกะปิ เริ่มต้นเป็นลูกจ้างบรรทุกผักที่ปทุมธานีเอามาขายก่อน จากนั้นถึงย้ายมาตั้งรกรากอยู่บางกะปิ ปัจจุบันก็ราว 30 กว่าปีแล้ว  “หลายคนคิดว่า ผมเป็นเจ้าของตลาดบางกะปิ เข้าใจผิดกันไปหมด ผมแค่เช่าเปิดแผงขายผักบุกเบิกจนมันเริ่มมีคนรู้จักมากกว่า”เขาอธิบายถึงความเป็นมา

แต่ส่วนตัวแล้วเขาชอบชีวิตการต่อสู้มาตั้งแต่วัยเด็กควบคู่ไปกับการเล่นเสี่ยงโชค สมหมายเล่าว่า ชอบดูมวย เวลาพรรคพวกต่อยตามงานวัดก็จะไปปีนต้นไม้ดู เนื่องจากไม่มีเงินซื้อบัตรเข้าไป เพราะขเจะกั้นรั้วสังกะสีไว้ เวลามีมวยที่ไหน ถ้าไม่ติดอะไรก็ตามไปดู ตอนย้ายมาบางกะปิ วันไหนขายผักเสร็จแล้วมีรายการมวยใหญ่ก็จะเข้าไปดูในสนาม และก็ไม่พ้นที่จะต้องเล่นพนัน ชอบเล่นมวยตู้อยู่แล้ว คนดูมวยบอกได้เลยว่า ต้องเล่น ไม่เล่นแล้วเกมจะไม่เร้าใจ นั่งดูมวยอย่างเดียวหลับแน่ ถ้ามีการเล่นเสี่ยงโชคติดปลายนวมบ้าง มันลุ้นกันสนุก

ถึงกระนั้นก็ตาม สมหมายไม่ได้คิดจะเล่นพนันมวยเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลับมีความฝันอยากเปิดค่ายมวย อยากเป็นโปรโมเตอร์ อยากสัมผัสคนดังวงการมวย เขาบอกว่า ชอบไปดูศึกมวยรายการใหญ่ ๆ เช่น วันทรงชัย จัดกันสนามมวยลุมพินี หรือสนามมวยราชดำเนิน จริง ๆ แล้วชอบไปดูคนดัง อาทิ แคล้ว ธนิกุล อยากเจอทรงชัย รัตนสุบรรณ เสี่ยเน้า-วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ เฮียชุ้น เกียรติเพชร  ผู้กว้างขวางวงการมวย และโปรโมเตอร์ทั้งหลาย

“พูดง่าย ๆ ว่า เหมือนหมามองเครื่องบิน เขาไม่มีสิทธิจะคุยกับเรา แต่ทุกคนคงไม่ต่างกัน ต้องมีความฝัน ต้องไขว่คว้า เหมือนเราอยากเจอดาราดังอยากเข้าไปทักทาย เข้าไปถ่ายรูป เพราะเราชอบ ผมชอบมวยก็อยากเข้าไปชิดใกล้ อยากจะได้คุย ถ้าเขาพูดกับเราคำก็เหมือนว่า บุญโขแล้ว คนเราความที่เราฝัน ไปบ่อยมาก สุดท้ายไม่ได้คุยกับใครสักคน เขาคงไม่คุยกับเราหรอก”

เจ้าของค่ายมวยดังบางกะปิบอกถึงจุดพลิกผันตอนหลังว่า มีพวกนักมวยมาหาอยากจะสร้างค่าย ตอนแรกมี 2- 3 คน ตอนนั้นเริ่มจะมีฐานะบ้างแล้ว ยอมรับว่า ด้วยความที่เราเป็นนักเล่นทำให้มีเงินทำธุรกิจตรงนี้ อยากบอกว่า ไม่มีเงิน ทำค่ายมวยไม่ได้ ถึงเริ่มต้นทำค่าย ส.สมหมายตามความฝันของตัวเอง  ตอนแรกมีนักมวยอยู่ 10 กว่าคน ซื้อมา เพราะนักมวยต้องซื้อ ชื่อเสียงเริ่มดังขึ้น ทั้งที่ตอนแรกก็มีเสียงครหาว่า มาอย่างโน้นอย่างนี้จะรอดไหมพวกเข้ามาใหม่ ๆ เดี๋ยวมวยก็ลงบ้าง อะไรบ้าง

“ผมดวงดี สู้มาทุกวันนี้ได้ นักมวยก็เหมือนลูกหลาน สร้างค่ายมวยมาปีกว่าได้ยกระดับเป็นโปรโมเตอร์ วงการมวยโอเค ต้องเลือดนักสู้ ถึงต้องสู้กันทุกวันนี้ พูดง่าย ๆ ว่า ปวดหัว ไปขอมวยเขาคน ให้เอาเงินไปหาผู้หญิงง่ายกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขอมวยมาชก มันยาก ต่างคนต่างมีค่าย ต่างเก็บไว้ชก เหมือนกับว่า ธุรกิจ ต้องเข้ากลุ่มเข้าพรรคเข้าพวก”

ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตนายตำรวจมือปราบที่ถูกกล่าวหาด้วยนั้น สมหมายแจงว่า รู้จักเพื่อนคนหนึ่งเป็นนายตำรวจตั้งแต่เป็นผู้หมวดมานาน ตอนหลังไปเป็นนายเวรท่านอัศวิน ขวัญเมือง เรารู้ว่า ท่านชอบมวย เราเลยสร้างค่ายขึ้นมา “ผมบอกท่านว่า นายเป็นใหญ่ไม่มีอะไรจะให้ คนอื่นเขาให้สิ่งของนายเยอะ ผมซื้อคนให้นายล่ะกัน เอาคนให้นาย เลยเอานักมวยไปชกในนามค่าย อ.ขวัญเมือง ฝากซ้อมไว้กับผม  ท่านอัศวินชอบการต่อสู้แบบนี้อยู่แล้ว ท่านเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของผม ดีกับผมมาตลอด ไม่ได้มีอะไรมาแอบแฝงเลย”

“ผมกว่าจะก้าวเป็นโปรโมเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เข้ามาก็ต้องทำงานให้ทางสนาม มันเป็นงานที่ท้าทายอย่างหนึ่ง บางครั้งจัดแข่งขันแล้วก็ต้องขึ้นกับดวงว่าจะขาดทุน หรือกำไร เหมือนเราไปตั้งขายของจะขายให้กำไรทุกวันมันก็ไม่ได้ บางวันก็ขาดทุนกำไร ถ้าคนเข้ามาดูเรามาก ก็ต้องพยายามดิ้นรนจัดมวยที่ว่า แฟนมวยอยากดู ถ้าไปจัดรายการที่แฟนมวยไม่อยากดูวันนี้คงหมดไปนานแล้ว ทำจนได้รับความไว้วางใจให้รายการมา 6 นัดต่อไตรมาส ผมถือว่า มากที่สุดแล้ว และยังไม่มีโปรโมเตอร์รายใดจัดวันเกิด 3 ปีซ้อน อาจเป็นเพราะผมใจถึงพึ่งได้ ผมทำอะไรต้องกล้าได้กล้าเสีย กล้าเสี่ยง” คนดังบางกะปิบอก

“เขาหาว่า ผมอิทธิพล ผมอยากให้ไปถามคนในย่านบางกะปิที่ผมอยู่เลยว่า ผมอิทธิพลอย่างไร อิทธิพลที่ว่าคืออะไร ข่มขู่ หรือเป็นมายังไง ผมเคยตั้งความหมายของคำว่า อิทธิพลนะ หมายถึงว่า เราต้องเป็นพวกมาเฟียจัดการอะไรได้ แต่อยากให้ไปถามเลยว่า ไอ้หมาย สมหมาย เป็นคนยังไง ผมยังงงคำว่าอิทธิพล ผมว่า บางครั้งทุกคนกาลเวลา เขาต้องเข้าใจเรา เขาก็ต้องลงมาสืบอยู่ว่า เราเป็นคนยังไง สมหมายไปไหน เคยมีใครเดินตามหรือไม่ ผมไม่ต้องเดินเหลียวหน้าแลหลัง  ผมไม่มีศัตรู ผมทำแต่ความดี ไม่รู้เขาจะมาทำเราไปทำไม ใครจะมาฆ่ามาแกงเราทำไม”

เจ้าของค่ายมวย ส.สมหมายที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยออกมาแฉเปิดบ่อนทำเป็นแฟรนไชส์ยังบอกว่า เรื่องต่าง ๆ ที่โดนพาดพิง ไม่อยากพูด ท่านชูวิทย์ ส่วนตัวก็ไม่รู้จักกันเห็นแค่ในทีวี เรายังเป็นคนลงคะแนนให้ เพราะชอบคนแบบนี้จะได้เอามาเป็นเสียงค้ำจุน แต่ไม่รู้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่เราก็อยู่ของเราแบบนี้ ไม่มีการตอบโต้ เราจะไปว่าอะไรเขาคงไมได้ แม้เอ่ยถึงค่ายมวย ส.สมหมาย ถามอย่าง ชีวิตคนเราเลือกเดินได้หรือไม่ เราตื่นนอนมา วันนี้คิดจะไปทางนี้ แต่บางทีไม่ได้ไปหรอก เดี๋ยวต้องมีเหตุการณ์พลิกผัน คนเราตัวเองยังลิขิตไม่ได้

“ถ้าผมเลือกเกิดได้ ก็อยากเกิดเหมือนพวกท่าน ๆ ทั้งหลาย  ใครบ้างไม่อยากเป็นใหญ่เป็นโต แต่ผมอยู่ในฐานะครอบครัวยากจน ผมสู้ ผมอยากให้สื่อมาบันทึกชีวิตผมบ้างว่า ผมมายังไง ผมมีพ่อแม่ มีพี่น้อง นั่งมองทุกวันว่า อยากให้พ่อแม่ที่อายุมากอยู่สบาย ผมไม่ทำอะไรที่ผิดศีลธรรม ถามได้เลยว่า สมหมายโตมาอายุ 52 ปีแล้ว เคยตีใครสักคนไหม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าคน มีแต่ช่วยเคลียร์ให้ตลอดว่าอย่าไปทะเลาะกันเลย เชื่อผมเถอะ ชีวิตของผมดูได้เลย ผมไม่มีจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปรังแกใคร กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ของคน ถ้าสมหมายไปมีเรื่อง หาเรื่อง ยกพวกตี มาด่าผมได้เลยว่า พวกอันธพาล” เจ้าตัวระบายความในใจ

“ผมพูดกับลูกเสมอ เมื่อก่อนเราจะซื้ออะไรสักอย่าง ลำบากเหลือเกิน เพราะพ่อแม่ผมยากจน แม่ผมชื่อ ปิ่น ผมเป็นลูกยายปิ่น มันลำบากมาก จะหาซื้อจักรยานขี่ อีก 3 เดือนถัดมายังไมได้เลย แต่จะพูดกับลูกว่า เดี่ยวนี้มึงไปลูกเสี่ยสมหมาย มึงจะซื้ออะไรก็ซื้อได้ พยายามพูดเตือนสติให้ลูกว่า อย่าลืมตัวนะ งานต้องทำ ของผมดูได้เลย พี่น้องทำมาหากินทุกคน”

สมหมายเล่าอีกว่า เมื่อ 6 ปีก่อนเมียคนแรกถูกยิงตาย ตำรวจยังจับใครไม่ได้ ตอนแรกตำรวจก็มาพุ่งเป้าบอกว่า สมหมายฆ่าเมีย ตอนนี้ตัวเองยังเรียกร้องเสมอ ประชาชนยังมาถามสมหมายฆ่าเมียหรือเปล่า ภรรยาศัตรูไม่ค่อยมี พูดกับใครเหมือนดอกพิกุลจะร่วง ก็ยังไม่ทราบสาเหตุเลยว่า มันเรื่องอะไร อาจจะมาจากเรื่องใจอ่อน ใครเดือดร้อนมาก็จะช่วยเหลือเรื่องเงิน ก็ดันมีข่าวหาว่า เป็นเจ้าแม่เงินกู้ แต่ข้อเท็จจริงภรรยาไม่ได้ปล่อยกู้ มีแต่ให้ยืม พอมากเข้าอาจมีการทวงคืน

ก่อนภรรยาจะถูกยิงตาย สมหมายบอกว่า บ่ายวันนั้นยังไปซื้อที่ดินที่ปทุมธานีกันอยู่เลย ตกเย็นเขากลับมากอดลูก ตีสามก็นั่งคุยกันอยู่ที่แฮปปี้แลนด์ เราบอกขอกลับก่อน เพราะ 6 โมงต้องมาไขโต๊ะสนุ้กเกอร์ พอ6 โมงเช้าพรรคพวกวิ่งมาตามเคาะห้องบอกว่า เจ๊โดนยิง “ผมไปที่เกิดเหตุเจอศพเมียแทบจะเป็นลม คนเราไม่รู้จักกัน มาเอาชีวิตเขาไป คิดไหมว่า ครอบครัวเขาจะลำบากหรือไม่ ผมเคยพูดเรื่องนี้เสมอ คุณไม่รู้จัก คุณไปยิงเขา คุณได้อะไร แต่ครอบครัวเขาขาดไป  คุณไปเอาหัวหน้าครอบครัวเขาไป หรือภรรยาเขาไปถูกต้องหรือ”

“แค่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องเงินทองน่าจะพูดคุยกันได้ ทำไมต้องเอาชีวิตไปด้วย ลูกผมต้องเป็นคนที่ไร้แม่  ผมต้องเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ จะว่าลูกจะด่าลูก ต้องมาคิดว่า มันไม่มีแม่ ครอบครัวผมไม่มีความสุขหรอก ภรรยาตายมา 6 ปีแล้วยังจับใครไม่ได้ ทวงความยุติธรรมกับใครก็ไม่ได้  ก็ไม่รู้จะว่ายังไง ตอนนั้น สมหมายก็ 3 เดือน ถูกตำรวจนั่งสอบปากคำ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเมีย” สามีผู้สูญเสียภรรยายังค้างคาใจ

“ถามว่า ทุกวันนี้เหนื่อยไหม ผมอยากให้มาอยู่กับผมสัก 10 วัน หรือ 1 เดือนเลยว่า สมหมายทำอะไรบ้าง คนเราแค่เอาความจริงไปพูดแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ ผมก็จะขอบคุณ กราบเลย ไอ้คำว่า สมหมาย เป็นเจ้าพ่อบางกะปิ ไอ้หมายเป็นอันธพาล พูดกันจัง ผมว่า นักเลงเป็นคนดีนะ คำว่า อันธพาล ผมว่าจะไม่มีแล้ว สุดท้าย คำว่า เจ้าพ่อ อย่าเรียกผมเลย ผมกลัวคำว่าเจ้าพ่อ เพราะเจ้าพ่อเขาไปกราบไหว้กันหมด ต้องไปอยู่ตามศาล ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีที่มา ชีวิตถ้าผมเลือกเกิดได้ ผมไม่อยากทำหรอกสิ่งพวกนี้ แต่ชีวิตมันดำเนินมาในทางนี้”

“เดินไปข้างหน้าผมยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร แต่ก็ต้องเดิน ผมเป็นคนไม่ถอยหลัง ถอยหลังไปหรืออยู่กับที่ยิ่งตายหนัก  ใครไม่รู้ชีวิตผมหรอก ครั้งหนึ่งคิดจะหนีจากที่นี่ เป็นหนี้เขา ไม่มีเงิน หนี้เป็นล้าน เคยนั่งร้องไห้บนเขียงหมู แต่ไม่ใช่หนี้พนัน ชีวิตผมจะไม่เป็นหนี้พนัน สมหมายเป็นคนเล่น แต่เครื่องประดับในตัวไม่กล้าพนัน มันอาย เลยไม่กล้าเล่นให้หมดตัว ให้เรารู้ว่า เราไม่หมดเรากลับ ไม่ใช่เล่นถอดสร้อย ถอดแหวน ถอดนาฬิกา  ไอ้นั่นมันเล่นบ้าจนหมดตัว ผมจะเป็นไม่เคยถอดของจำนำ เพราะถ้าจะไปเล่นใหม่โดยไม่มีของพวกนี้ใส่ก็ไม่กล้าไปเล่น เพราะกลัวเขาจะหาว่าเสียแล้วเอาของไปจำนำมาเล่นอีกแล้ว ผมต้องหาเงินเองด้วยการขายของ หยุดเล่นไป 7 วัน สิ่งนี้มันไม่หนีเรา เขามีแต่พวกเราจะหนีจากไป การพนันไม่หนีเราไปไหนหรอก”หนุ่มใหญ่เปิดหมดเปลือก

สำหรับเหตุที่เป็นหนี้พะรุงพะรังนั้น สมหมายบอกว่า มาจากขายของ ช่วงฝนตกซื้อของมาขายไม่ได้ ผักเน่า เงินหมุนไม่ทัน เราก็ไปเอาเงินเขามาก่อน ช็อตเป็นลูกโซ่ แต่ก็ตามใช้หนี้หมดนะ คิดว่าเป็นหนี้ 10 ปี ใช้ไม่สาย ไปถามชาวบ้านแถวปทุมธานี หรือตามปากคลองตลาดได้เลย สมหมายไปใช้หนี้เขา เขายังยกมือไหว้เลย เขาเห็นว่า เรามาใช้ก็ดีใจแล้ว ไม่เคยมีแบบนี้ เขาเจอแต่คนโกงก็โกงไปเลย จริง ๆ คือ เราขี้เกียจไปใช้เขาชาติหน้า ใช้ชาตินี้ให้มันหมดไปดีกว่า  เพราะเราทุกวันนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก จะลำบากก็พวกร่างกาย อดหลับอดนอนสู้ชีวิต ถึงบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีที่เป็นมา ชีวิตคนเรามันนักเสี่ยงโชคทุกคนแหละ หากินกันตามวิถีทางกันไป”

RELATED ARTICLES