เก่งยุทธวิธีไม่เพียงพอ

 

ผ่านหลักสูตรพิสูจน์ความแกร่งไม่แพ้ตำรวจชายมากมาย

น่าเสียดายที่พลาดอบรมตำราเก็บกู้วัตถุระเบิดเพราะ “ขาดคุณสมบัติ” ด้วยกำหนดกฎเกณฑ์มีไว้สำหรับ “ผู้ชาย” เท่านั้น

ส.ต.อ.หญิง สมฤทัย รองทอง ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 2 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แค่รู้สึกเสียดายไม่อาจออกไปเผชิญความท้าทายใหม่

สวมบทตำรวจ “พลร่มหญิง” แม้ไม่อิงแนวบู๊เหมือนชุดต่อต้านก่อการร้ายอย่าง “ทีมนเรศวร 261” แต่ฝีไม้ลายมือเรื่องการยิงปืนไม่เป็นรองใคร

เพราะเลือกใส่ใจและรักที่จะฝึกฝนอยู่เสมอ

 “ดีใจมากที่ได้เป็นตำรวจในแบบที่อยากเป็น” เจ้าตัวระบายความรู้สึกที่ได้เจริญรอยตาม ร.ต.ท.สมพงษ์ รองทอง รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี และเป็นหลานปู่ของ จ.ส.ต.ทวี รองทอง อดีตตำรวจพลร่มค่ายนเรศวรผู้ล่วงลับ

ปัจจุบันยังเดินสายถ่ายทอด “วิทยายุทธ์” ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่เพื่อนตำรวจร่วมอาชีพหลายหน่วย

ล่าสุดเป็นห่วงข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 68

“ผู้ใดจำต้องกระทำการใด เพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ”

การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

ผู้นั้นไม่มีความผิด

เธอให้ขีดเส้นใต้คำว่า “ภยันตราย” ขีดเส้นใต้คำว่า “ที่ใกล้จะถึง” และคำว่า “พอสมควรแก่เหตุ”

กับคำถาม

คนร้ายมีมีด และกำลังเดินวนๆอยู่ในบริเวณ Area นั้น ถามว่า สมควรแก่เหตุในการยิงหรือยัง  คนร้ายเดินพุ่งมาหาคน สมควรแก่เหตุหรือยัง

 นักรบหญิงตำรวจตระเวนชายแดนฝากข้อคิดไว้ว่า เก่งยุทธวิธีไม่เพียงพอ ข้อกฎหมายก็ต้องรู้ ตำรวจชั้นประทวน คือ ผู้ปฏิบัติงานยิ่งต้องรู้

อันไหนเราทำได้ หรือไม่ได้ สุดท้ายสิ่งที่จะป้องกันเราให้รอดพ้นได้ คือ “ตัวเราเอง”

อย่าโทษว่านายไม่รัก ไม่ปกป้อง แต่เราต้องรู้ขอบเขตของตัวเองก่อน

“ยิงก่อน แล้วค่อยขึ้นศาล ไม่สนุกอย่างที่คิด”

RELATED ARTICLES