ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะพนักงานคอลเซนเตอร์ที่กระทำความผิดอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีวิธีการกระทำความผิดเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองตาก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 ศูนย์อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล มอบหมาย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผู้กำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล นำกำลัง พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล กับพวก ประสาน พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์
จับกุม นายภานุ มาลัย อายุ 23 ปี ที่อยู่ 9 หมู่ 2 ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายกฤษณะ ศรียงค์ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 537 ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา นายพงศกร ศรียงค์ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 36/4 หมู่ 1ตำบลบ้านใหม่ อำเภอมืองฉะเชิงเทรา ได้บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ชุดจับกุมได้สืบสวนขยาลผลจากสายลับจนทราบพบว่ามีผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาคารแห่งหนึ่ง เมืองโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา มีพนักงานคอลเซนเตอร์เป็นชาวไทยทั้งหมดจำนวนมาก ทำหน้าที่โทรหลอกผู้เสียหาย แบ่งหน้าที่กันทำอ้างตัว สาย 1 เป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย ออกอุบายสอบถามผู้เสียหายว่า เลขท้ายบัตรเครดิตสี่หลักเป็นของผู้เสียหายหรือไม่ งเมื่อผู้เสียหายตอบว่าไม่ใช่ จะแจ้งกับผู้เสียหายว่า ข้อมูลอาจรั่วไหล แนะนำให้แจ้งกับที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตาก ให้กดปุ่มสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้ง ระบบจะโอนสายอัตโนมัติไปยังกลุ่ม สาย 2 สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักเมืองตาก (ยศ ส.ต.ต. ถึง ด.ต.) สอบถามผู้เสียหายว่า จะแจ้งความเรื่องอะไร และหลอกว่าข้อมูลของผู้เสียหาย มีคนร้ายได้นำไปใช้ ทำให้ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด ผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หากผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อจะทำทีเดินไปเคาะประตูและให้คุยกับตำรวจระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ กลุ่มสาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป หลอกว่าจะดำเนินคดีกับผู้เสียหาย มีการส่งข้อมูลหลอกผู้เสียหายผ่านทางไลน์ เช่น หมายจับ (ปลอม) หรือบางครั้งใช้วิธีวิดีโอคอล และใช้เทคนิคตัดต่อ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง ๆ ในท้ายที่สุด ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ สร้างความเสียหายหลักล้านบาท
ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาทลายและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดทางการกัมพูชาจับกุมตัวที่ตึกคอลเซนเตอร์ ตรงข้ามด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ และเพื่อมาส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสามราย ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 ให้การว่า ก่อนหน้าที่จะข้ามไปทำงานเป็นพนักงานแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านตอนตกงาน เข้าไปหางานในเพจและสื่อโซเชียลต่างๆ ทำงานเพื่อเป็นแอดมินเพื่อตอบลูกค้า ต่อมาช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างและได้ให้นั่งรถไปที่ขนส่งโดยสารจังหวัดสระแก้ว หลังจากนั้นได้มีรถรับจ้างมารับต่อไปส่งยังชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อมามีคนเขมรพาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติและได้ขึ้นรถตู้มายังจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์สาย 1 ที่สำนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา อ้างตัวว่าเป็นพนักงานเร่งรัดหนี้สินของธนาคารกสิกรไทย หากสามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้จะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 จากยอดความเสียหาย ผู้ต้องหายังให้การเพิ่มเติมอีกว่าภายในตึกดังกล่าวยังมีคนไทยที่ทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่าร้อยคน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ทำหน้าที่พูดสายสนทนากับประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทำความผิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งนี้เราสามารถจับกุมตัวคอลเซ็นเตอร์ได้ และจะขยายผลถึงที่สุดต่อไป แจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนว่าในสังคมขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติอย่ารีบโอนเงินให้คนแปลกหน้า หรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่่ หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
