“ทำงานให้สนุกแล้วจะสุขเอง”

“คนเราอย่าดูถูกตัวเอง อย่าดูหมิ่นอาชีพตัวเอง คนเก่งไม่จำเป็นต้องเรียนจบสูง ขอเพียงแค่อาชีพนั้นเป็นอาชีพที่สุจริต สามารถหาเลี้ยงชีพตัวเอง ไม่เบียดเบียนใคร ทุกอาชีพมีเกียรติและความภาคภูมิในตัวเสมอ รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว ถือเป็นเป้าหมายและความสำเร็จอีกอย่างในชีวิตแล้ว” นี่เป็นแนวคิดของอาจารย์สอนภาษาจีนคนเก่งของ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อย่าง อาจารย์เบนซ์-ฐปนี รัตนเลิศ สาวแดนปักษ์ใต้ผู้มีเชื้อสายจีนจาก จ.สงขลา มีบุคลิกสวยสง่า อัธยาศัยดี หน้าตาสดใสยิ้มเก่งตามแบบสาวสมัยใหม่

กว่าจะมาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนที่สวยและเก่ง เธอมีพื้นฐานหรือเป้าหมายที่อยากจะเป็นครูสอนหนังสือตั้งแต่เด็ก มีญาติเป็นคนแวดล้อมที่เป็นครู และนั่นเหมือนเป็นจุดริเริ่มที่ทำให้อยากเป็นครู รวมทั้งอีกหนึ่งความคิดของเด็กผู้หญิง คือ การเป็นแอร์โฮสเตส หรือตามความเข้าใจว่า เป็นนางฟ้า แต่ภาษาจีน คือ ผู้เป็นแม่ต้องการให้ชำนาญและเรียนรู้ ให้สามารถ เขียน อ่าน สื่อสารได้ เหตุผลหนึ่งคือ ครอบครัวมีเชื้อสายจีน ประกอบกับต้องการให้ได้เรียนรู้หลายภาษาเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาชีพในภายภาคหน้า เพราะปัจจุบันมีการติดต่อสื่อสารทำการค้ากับนักธุรกิจจีนเป็นจำนวนมาก

อาจารย์สาวคนสวยจบชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนวรนารีเฉลิมสงขลา สายศิลป์ภาษาจีน จากนั้นก้าวเข้าสู่การระดับอุดมศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ หรือที่คุ้นหูว่า มอ.หาดใหญ่ คว้าปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาจีน และเพิ่งเป็นมหาบัณฑิตเมื่อปีที่ผ่านมา หลังได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาโท ที่ประเทศจีน เป็นหลักสูตรการสอนภาษาจีน เป็นการต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวเธอเอง และไม่แปลกที่เธอกลายเป็นสาวที่สวยและเก่ง

ครูสอนภาษาจีนอัธยาศัยดี บอกว่า ตอนแรกไม่คิดจะเรียนภาษาจีน แต่พอเริ่มเรียน ม.3 ได้เรียนเสริมภาษาจีน เพราะความต้องการของแม่ พอเรียนก็รู้สึกชอบและสนุก เมื่อเข้าเรียนม.ปลายก็เลือกที่จะเรียนสายศิลป์ภาษาจีน ถึงตอนเรียนปริญญาตรีก็เลือกเรียนภาษาจีน มั่นใจว่า เป็นสิ่งที่ชอบ ถนัด และมีความสุข ในระหว่างเรียนก็รับสอนพิเศษภาษาจีนให้เด็กนักเรียนมัธยม ด้วยความที่อยากเป็นครู โตขึ้นมาอยากจะสอนวิชาความรู้ให้กับผู้อื่นอยู่แล้ว ยิ่งทำให้สนุก และมีความสุขเข้าไปใหญ่ เมื่อได้เห็นวิวัฒนาการของเด็กที่สอน สามารถพูดเป็น เขียนได้ และได้รับคำขอบคุณ เป็นสิ่งที่ปลาบปลื้มภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นครูสอนหนังสือเต็มตัว ทุกวันนี้ก็ยังรับสอนพิเศษตัวต่อตัว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีความแตกต่างกัน เด็กที่สอนเขาต้องการนำไปใช้ในการเรียนการสอบให้ผ่านเป็นหลัก และผู้ใหญ่ส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจซึ่งเอาไว้ใช้งานการสื่อสารติดต่อกับนักธุรกิจชาวจีน

แม้จะดูเป็นสาวมั่นสวยและเก่ง แต่อาจารย์เบนซ์บอกว่า ก่อนที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศจีน ทำเป็นพาร์ตไทม์ที่โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ ทำหน้าที่รีเซฟชั่น เป็นล่ามภาษาจีนให้หมอกับคนไข้ ต้องหาความรู้และถามผู้รู้อีกมาก เพราะมีศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ เหตุผลในตอนแรกที่เลือกทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะใกล้บ้าน สาเหตุก็เนื่องจากความเป็นเด็ก หรืออาจจะเรียกว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโต ต้องการทำงานใกล้บ้าน ไม่อยากห่างบ้าน ไม่อยากอยู่ห่างไกลพ่อแม่ แต่พอวันที่ต้องโบยบินสู่โลกกว้าง ต้องจากบ้านไปไกลเพื่อไปใช้ชีวิตแทบจะลำพังที่ต่างแดนในประเทศจีนเพื่อเรียนต่อระดับปริญญาโท ก็เหมือนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมความแกร่งให้กับจิตใจ ทำให้โตเป็นผู้ใหญ่มากคิด เรียนรู้การเอาตัวรอด สู้ชีวิตด้วยตัวเอง ที่สำคัญจะไม่เก็บความเครียดไว้กับตัวเองนานๆ แค่ได้ระบายให้ใครฟังก็สบายใจแล้ว

แน่นอนว่าการดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่ได้ราบเรียบโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือจนไม่มีจะกิน ทุกชีวิตล้วนต้องประสบพบเจออุปสรรคปัญหาน้อยใหญ่ที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต จนทำให้เหนื่อยและท้อ หากอ่อนแอก็แพ้ไป เฉกเช่น อาจารย์เบนซ์คนสวยที่เจออุปสรรคที่ต้องผ่านมาเข้ามาทดสอบชีวิตเช่นเดียวกัน เธอเล่าว่า ตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาโทตอนช่วงทำวิจัยรู้สึกกดดันเป็นพิเศษ มีความยากเรื่องภาษา วัฒนธรรม ความรู้ใหม่ๆที่ไม่คุ้นชิน จนทำให้ท้อ เครียด แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผ่านพ้นฝ่าฟันอุปสรรคมาได้คือกำลังใจ เพราะเมื่อไหร่ที่รู้สึกท้อจะโทรศัพท์หาที่บ้านขอเติมพลังใจ ขอพรพ่อแม่ และตั้งมั่นไว้เสมอว่า ท้อได้แต่ไม่ถอย ยิ้มสู้แล้วฝ่าฟันให้ได้ ไม่รู้ต้องศึกษา ถามผู้รู้ อย่าตีกรอบให้ตัวเองจนเกินไป อย่าอีโก้ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด การถามการปรึกษาผู้รู้ไม่ใช่เรื่องด้อยศักดิ์ศรี ไม่มีใครเก่งไปหมดทุกเรื่อง สุดท้ายก็ผ่านอุปสรรคมาได้ เมื่อเรียนจบปริญญาโทก็มาสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษาจีน พอสอบสัมภาษณ์ก็ผ่านและได้รับบรรจุเข้าทำงานเลย

“แม้เบนซ์อยากเป็นครูตั้งแต่เด็ก และรับจ๊อบสอนพิเศษมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย วันหนึ่งได้บรรจุเป็นคนสอนหนังสือนักศึกษาในมหาวิทยาลัยจริงๆยังรู้สึกตื่นเต้น แต่มันปนอบอวลไปด้วยความสุข เพราะมันคือความฝัน มันคือเป้าหมายหนึ่งในชีวิตของเบนซ์ ยิ่งไปกว่านั้นวันแรกที่ทำงานก็มีอาจารย์เป็นคนเก่าคนแก่อยู่ก่อนแล้วมาทักเรียกเบนซ์ว่าอาจารย์ ทำให้เบนซ์ได้ยินคำนี้แล้วภูมิใจมาก กระทั่งเมื่อเบนซ์ได้สอน ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้คนอีกมากมายได้นำไปใช้ประโยชน์ ใช้ประกอบสัมมาอาชีพหาเลี้ยงตัว ถือเป็นสิ่งที่แฮปปี้สุดๆ การมาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนตรงนี้เหมือนเป็นการตอบโจทย์ในชีวิต เพราะสนุกกับงานที่ทำ และทำแล้วมีความสุข”เจ้าตัวเล่าอย่างอิ่มเอมใจ และบอกว่า เป้าหมายชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับเธอแล้ววางเป้าหมายไว้ทีละสเต็ป เริ่มจากเรียนจบมีงานทำ ได้ทำงานที่ชอบ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเดินมาถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้ว และเป้าหมายและความฝันที่ต้องทำให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้คือการเปิดติวเตอร์ภาษาจีน แต่ตอนนี้ขอเก็บเกี่ยงสั่งสมประสบการณ์ให้เต็มที่ เพื่อเวลาเปิดติวเตอร์แล้วจะได้สอนให้ผู้คนที่อยากมาเรียนได้รับความรู้ได้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพ

ท้ายนี้ ฐปนี บอกด้วยว่า ผู้หญิงในยุคปัจจุบันนี้แตกต่างกับแต่ก่อนมาก มีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก สามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายหาเลี้ยง ถือว่ามีความเก่งในหลายๆด้าน สามารถเป็นผู้นำได้ทัดเทียมผู้ชาย เผลอๆมีความอดทนเข้มแข็งมากกว่าด้วยซ้ำ ใช้ความสามารถหาเงิน ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อแม่ญาติพี่น้อง ไม่เป็นภาระของคนอื่น ส่วนผู้หญิงที่สวยมองว่าไม่จำเป็นต้องหน้าตาสะสวยเสมอไป ต้องงามทั้งภายนอกและภายใน ดูแลตัวเอง แต่งแต่พองาม ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง พูดจาดี มีมารยาท คิดดีทำดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยขับความสวยออกมาให้ผู้คนได้เห็นเอง และจงท่องไว้ให้ขึ้นใจไม่ว่าหญิงหรือชายหรือเพศไหนก็ตามแต่ ขยัน อดทน ไม่อดตาย งานสุจริตอย่าคิดว่าไม่มีเกียรติ เว้นเสียแต่จะดูถูกตัวเอง ทำงานให้สนุกแล้วชีวิตจะสุขเอง

 

RELATED ARTICLES