“เรารู้ตัวเองว่า ไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่เรามีความสามารถด้วย”

 

 เส้นทางชีวิตของแต่ละคนว่ากันว่าถูกลิขิตขีดเขียนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

เหมือน 3 สาว 3 สไตล์จากหลายอาชีพ นางงามสาวแบงก์แอร์โอสเตส โคจรพบกันในเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนหน้า

ก้าวเป็น ข้าราชการของแผ่นดิน รับภารกิจสำคัญอยู่หน้าด่านปราการชาติคุมพื้นที่สนามบินดอนเมือง สังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 คอยสอดส่องระแวดระวังอาชญากรข้ามชาติ

ใช้ความรู้ความสามารถมากกว่าความสวยช่วยป้องกันประเทศ

แม้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทบาท ตำรวจหญิง แต่พวกเธอไม่คิดอยู่นิ่งเพื่อต่อยอดเก็บเกี่ยวประสบการณ์พิสูจน์ตัวเอง

 

ประชันความงามหลายเวที ทั้งที่ชีวิตอยากเป็นนักการทูต

เริ่มต้นที่ “โบนัส” ส.ต.ต.หญิง สมหทัย เหรียญทอง ผู้บังคับหมู่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ ดีกรีประกวดนางงามหลายเวที ชาวกรุงเทพมหานคร เกิดในครอบครัวพ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัว เข้าเรียนอนุบาลโรงเรียนภูมิไพโรจน์พิทยาถึงชั้นประถม 2 ย้ายไปเข้าโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์จนจบประถม 6 สอบเข้ามัธยมโรงเรียนหอวัง สอบชิงทุนเอเอฟเอสไปเป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนอยู่ประเทศเบลเยียมเป็นเวลา 1 ปี

บินกลับมาเลือกศึกษาต่อคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าตัวเล่าว่า วัยเด็กไม่คิดอยากเป็นอะไร พอมีโอกาสได้ไปเจอท่านเอกอัครราชทูตไทยในเบลเยียม มีรองเอกอัครราชทูตเป็นผู้หญิงถามว่า อยากทำงานอะไร ตอนนั้นยังอยู่มัธยม 6 เลยตอบไปว่า อยากเข้าทำงานกระทรวงการต่างประเทศ อาจเพราะชอบการเดินทางไปต่างประเทศอยู่แล้ว

“ท่านบอกว่า เป็นผู้หญิงมาทางนี้ค่อนข้างยากนะ พอกลับมาเมืองไทยถึงลังเล แต่ว่าชอบเรียนภาษา ใจตอนแรกอยากลงรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ พอมาคิดถึงที่ท่านรองเอกอัครราชทูตพูด ตัดสินใจไม่เอาแล้วมาเรียนด้านภาษาโดยตรงที่คณะศิลปศาสตร์ดีกว่า แต่ว่าวิชาโทยังเป็นรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศอยู่” ตำรวจสาวว่า

 

คว้าตำแหน่งมิส โฟโต้ ฮัท 2009 ก้าวสู่บทพิธีกรรายการทีวี

ทำไปทำมาความคิดเปลี่ยน ส.ต.ต.หญิง สมหทัยมองเห็นความเป็นตัวเองอยากทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิง เมื่อก้าวขึ้นเวทีประกวดมิส โฟโต้ ฮัท 2009 ได้อันดับ 1 มีส่วนให้เข้าไปเป็นพิธีกรทีวี รายการคอคนรักรถทางช่อง 5 พาสู่สนามประลองความเร็วงานท้าทายอีกรูปแบบที่เจ้าตัวใฝ่ฝัน เป็นโปรเจ็กต์ให้จองโตโยต้ารับสมัครนักศึกษามหาวิทยาลัยไปเข้าทีม

“เป็นคนชอบกีฬาพวกแอดแวนเจอร์ แข่งรถ ยิงปืน ขี่เจ็ทสกี ยิ่งยิงปืนเรียนตั้งแต่อายุ 13 ปี ทว่าชอบแข่งรถมากกว่า ชอบอะไรที่เร็ว ๆ มันท้าทายดี ประจวบเหมาะมีรับสมัครเข้าทีม คนสมัครเยอะมากเป็นร้อยคน เอาผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เซ็นสัญญา 2 ปี เพื่อแข่งรายการโตโยต้า วันเมคเรซ  อยู่ทีมโตโยต้า เรซซิ่ง สคูล ปีหนึ่งมี 6 สนาม แข่งอยู่ 2 ปี อันดับดีสุดได้แค่ที่ 2”

เธอเล่าว่า พอหมดสัญญา มีรุ่นน้องเข้ามาแข่งแทน แต่ยังทำงานเป็นพิธีกรรายการทีวี รับงานเป็นเอ็มซีงานอีเว้นท์ ควบคู่กับการเรียนมหาวิทยาลัย มีรุ่นพี่ชวนไปแข่งรถแบบโกคาร์ทบ้าง สนุก ๆ แต่งานหลัก คือ พิธีกร เพราะชอบ ได้ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ก่อนจะมาแข่งรถอีกทีในนาม Super Hi-kool Boxza Racing 2016 หลังลาสนามไปกว่า 6 ปี

 

เกือบชิงมิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา ก่อนเข้าสู่งานกิจกรรมจิตอาสา

ขณะเดียวกัน เจ้าตัวไม่เคยทิ้งเวทีประกวดขาอ่อน เหมือนเป็นอีกงานท้าทายตัวเอง หลังประเดิมตำแหน่ง มิส โฟโต้ ฮัท  2009 เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นปี 1 แล้ว ยังคว้าตำแหน่งชนะเลิศเวที วัตสันค้นหาสุดยอดวีเจหน้าใหม่ ปี  2011 และโชว์ลีลาเดินแบบสุดเซ็กซี่พร้อมพกข้อมูลมาแน่น ตอบคำถามชนะใจกรรมการ จนได้รับตำแหน่ง “3เค เพาเวอร์ เรซ ควีน” นางฟ้าแห่งวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตคนแรกของเมืองไทย เมื่อปี 2015 เซ็นสัญญาทำหน้าที่เป็น แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ 3 เค แบตเตอร์รี่ เป็นระยะเวลา 1 ปี

เธอยอมรับว่า เป็นคนชอบแข่งขัน แต่ไม่ใช่เอาชนะด้วยการลงประชันความสวย แค่อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ประกวดหลายเวที มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สก็เคยเข้ารอบเก็บตัว ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วได้ลองประกวดเวทีมิสแกรนด์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รอบชนะเลิศอันดับ 1  ตอนแรกกะไปเป็นเพื่อน เพื่อนตั้งใจจะไปเอารางวัล ส่วนเราประกวดสนุก ๆ  ไม่คิดว่า จะได้ตำแหน่ง เพราะเรามีงานประจำเป็นพิธีกรอยู่แล้ว

ปรากฏว่า ชีวิตกลับพลิกเส้นทางมาเป็นตำรวจอย่างไม่เคยคิดมาก่อน สาวผู้เข้าประกวดนางงามหลายเวที ลำดับเรื่องราวว่า ได้ไปทำกิจกรรมจิตอาสานามของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  อยู่ฝ่ายคัดกรองเข้างานที่ท้องสนามหลวง เพราะแม่ชอบช่วยงานจิตอาสาอยู่แล้ว มีการรับสมัครถึงได้ไปช่วยตรงนั้น เป็นอีกมุมที่เห็นการทำงานของตำรวจแบบใกล้ชิด จากเดิมที่เราเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่รู้สึกเฉย ๆ กับตำรวจ ทำให้รู้สึกชื่นชม

 

จุดประกายการเป็นตำรวจ สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

“ที่ผ่านมาเรามองว่า ตำรวจมีทั้งดีและไม่ดี แต่พอได้ไปช่วยงานตรงนั้น เห็นว่า ตำรวจจริง ๆแล้วดีมากกว่า ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของตำรวจ เพราะเราไม่เคยได้ใกล้ชิดแบบนั้น ในครอบครัวก็ไม่มีใครรับราชการ หรือเป็นตำรวจเลย แต่ยังไม่ได้มีความรู้สึกว่า ฉันจะมาเป็นตำรวจ ไม่มีความคิดนั้นเลย กระทั่งได้เป็นจิตอาสางานอุ่นไอรัก มีผู้กำกับคนหนึ่งมาเห็นนึกว่า เราเป็นตำรวจ ถามว่าอยู่หน่วย เราตอบไปว่า ไม่ได้เป็นตำรวจ แค่จิตอาสามาช่วยงาน แกเลยบอกหน่วยก้านดีน่าจะเป็นตำรวจนะ ภาษาก็ดี ควรมาอยู่ท่องเที่ยว หรือตรวจคนเข้าเมือง”

คำพูดของนายตำรวจคนนั้นที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ใคร แต่เหมือนจุดประกายให้เธอเก็บมาคิดไตร่ตรองมองหาช่องทาง และติดตามข่าวสารตามเพจรับสมัครสอบตำรวจ ผ่านไป 2 เดือนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรับสมัครบุคคลภายนอกสอบเข้าเป็นนายสิบตำรวจพอดี โบนัสว่า ตัดสินใจลองสมัคร ไม่ได้ติว ไม่ได้เตรียมตัวอะไร อ่านหนังสือเองอย่างเดียว มีภาษาอังกฤษที่ถนัดอยู่แล้ว ตามด้วยข้อเขียนภาษาไทย และความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง ผลปรากฏว่า สอบติด

เจ้าตัวสารภาพว่า ตอนแรกก็งง เข้ามาจากที่ไม่เคยคิดเป็นตำรวจ ปัจจุบันยังคิดว่า เราเป็นตำรวจแล้วหรือ เคยทำงานที่ไม่ใช่ราชการมาตลอด พอมารับราชการเหมือนได้เรียนรู้อีกมุม โชคดีมีความรู้สึกว่า ได้ใช้ภาษาที่ชอบคุยกับชาวต่างชาติ เป็นตั้งแต่เด็กแล้วเวลาเดินไปไหนแล้วมีชาวต่างชาติมาขอความช่วยเหลือจะไม่ลังเลที่จะเข้าไปคุย ทำให้รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเขา ได้ใช้ความสามารถของเราให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้าง เมื่อก่อนจะคิดว่า ทำอะไรให้ตัวเองมาตลอด พอได้ทำให้ประเทศชาติเลยภูมิใจ

 

รับผิดชอบหน้างานสืบสวน กระบวนการเฝ้าระวังอาชญากร

สิบตำรวจตรีหญิงประจำสนามบินดอนเมืองบอกอีกว่า ที่เรียนมาทั้งชีวิต ได้ใช้เป็นประโยชน์จริงๆ เวลาทำงานอยู่สนามบิน มีความสุขได้ทำงานตรงนี้ แถมหน้างานรับผิดชอบเป็นฝ่ายสืบสวนของหน่วย ต้องคอยคัดกรองผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่ผ่านด่านเข้ามา อาจไม่ใช่อาชญากรที่น่ากลัวมาก เป็นพวกปลอมพาสปอร์ต ปลอมเอกสาร แต่เราต้องเรียนรู้ในทักษะในการเฝ้าระวัง การพูดจาเวลาเข้าไปเจรจาของตรวจ คุยให้เขายอมรับผิด แรก ๆ ตื่นเต้นบ้าง เพราะเป็นอะไรที่เราไม่เคยเจอ เราจะทำได้ไหม ประกอบทุกคนที่เข้ามาในทีมมีความสามารถ และเก่ง

“รู้สึกว่า เข้ามาเป็นตำรวจแล้ว เราต้องพัฒนาตัวเอง พี่ ๆ หลายคน  มีความสามารถมาก ทำให้เราได้เรียนรู้จากพวกเขา อยู่หน้างานสืบสวนเป็นอะไรที่ไม่เคยคิดเหมือนกัน ต้องฝึกอบรมเพื่อลงสนามตรวจดูเป้าหมายแต่ละประเทศ สังเกตให้ได้เบื้องต้นจากบุคลิกภายนอกก่อน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางการเดิน การแต่งกาย เหมาะกับการเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวแค่ไหน”

เธอได้เรียนรู้ว่า ไม่เฉพาะชาวต่างชาติที่แต่งตัวไม่ดีมีพิรุธ เช่น อากาศบ้านเราร้อน แต่สวมเครื่องแต่งกายปิดหมดจดทั้งตัว  ที่แต่งตัวดีเกินไปก็น่าสงสัย ผู้บังคับบัญชาสอนทักษะการสังเกตชาวต่างชาติด้วย เพราะบางคนมีแบล็กลิสต์เข้ามาต้องละเอียดกว่านักท่องเที่ยวธรรมดา  รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากที่ปกติเราเป็นแค่นักท่องเที่ยวอย่างเดียว เราแค่เดินผ่าน ไม่รู้จริง ๆ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนั่งประทับตราเข้า-ออกนอกประเทศแล้ว ยังต้องดูด้วยว่า ตราที่ประทับกับหนังสือเดินทางเป็นของจริงหรือปลอม

 

ความสามารถมากกว่าความสวย ช่วยไม่ได้หากใครคิดเป็นอื่น

ผู้หมู่ตำรวจสาวสนามบินดอนเมืองอธิบายด้วยว่า ต้นสังกัดจะมีวนให้เรียนรู้งานหลายด้าน เพื่อให้ได้ทำงานเป็นทุกงาน แต่เป็นทีมงาน บ่อยครั้งมักมีชาวต่างชาติทำหน้าสงสัยพอแสดงตัวว่า เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มักถามว่าเป็นตำรวจจริง หรือลูกจ้างมาชั่วคราว “มองว่าเป็นธรรมดาที่ใครจะคิดแบบไหน ถ้าบอกว่า เราสวยจะถือเป็นคำชม แต่จะอธิบายต่อไปว่า สอบเข้ามาเอง ใช้ความสามารถล้วน ขอบคุณที่บอกว่า สวย เรารู้ตัวเองว่า ไม่ได้สวยอย่างเดียว แต่เรามีความสามารถด้วย”

กว่าจะผ่านมาถึงตรงนี้ ส.ต.ต.หญิง สมฤทัยยืนยันว่า มีสมัครสอบทั้งหมดหลายหมื่นคน ติดเข้ามาเป็น 1 ใน 1,000 คน  จริงๆ ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองอะไร เพราะถ้าคนที่ไม่เชื่อ คงไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเรา เราก็ทำงานของเราไป อนาคตมองว่า คงตั้งใจทำหน้าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป แต่ต้องพัฒนาตัวเอง ตั้งใจจะสอบนายตำรวจด้วย เพราะมีวุฒิปริญญาตรีอยู่แล้ว และกำลังจะเรียนปริญญาโท เพิ่ม คณะรัฐประศาสนศาสตร์  รู้สึกตรงกับอาชีพเรา ตั้งใจเป็นตำรวจไปเรื่อย ๆ ส่วนงานอีเว้นท์ พิธีกร มีรับงานบ้าง แต่ต้องไม่ให้ชนกับเวลาราชการ

“ตอนนี้เหมือนต้องดูแลภาพลักษณ์องค์กร  ตำรวจเหมือนไม่ได้เป็นอาชีพ แต่เหมือนเป็นชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง พอเป็นตำรวจแล้วไม่ใช่แค่ว่า ฉันเข้างานเวลานี้ แล้วฉันก็เป็นตำรวจแค่เวลานี้ แต่เราเป็นตำรวจทั้งชีวิต และตลอดเวลา” เธอมองแบบนั้น

 

พนักงานสาวแบงก์รวงข้าว พลิกเรื่องราวตามรอยปู่

ส่วน “เชอร์รี่” ส.ต.ต.หญิง ภัทราพร ลิ่วเฉลิมวงศ์ อดีตสาวแบงก์ชาวกรุงเทพมหานคร เกิดในครอบครัวพ่อเป็นพนักงานบริษัท แม่รับราชการอยู่กระทรวงศึกษา หลังจบชั้นประถมโรงเรียนบำรุงวิทยา ไปต่อมัธยมโรงเรียนสตรีวัดระฆัง แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วัยเด็กวาดฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตส ลองสอบไปสอบ แต่พลาดหวังทุกที ถึงหักเหไปเริ่มต้นทำงานแผนกดีลเลอร์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางขุนนนท์ และสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ตอนหลังโยกมาอยู่แผนกเปิดบัญชี

พอดีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปิดรับสมัครนายสิบตำรวจ เธอว่า น่าสนใจ เพราะปู่่เคยเป็นตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน ทำให้ฝังใจ ลองมาสอบดู เป็นหลักสูตรที่ใช้วุฒิมัธยมปีที่ 6 ปรากฏว่า สอบติด และได้ลงบรรจุตำแหน่งผู้บังคับหมู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ แม้ก่อนหน้าสอบผ่านสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนแล้ว ทว่ายังไม่มีตำแหน่งว่าง

เจ้าตัวรับว่า ต้องแข่งขันกันเยอะมาก รับแค่ 1,000 อัตรา มองว่า ยากอยู่ แต่ถ้าคนที่อ่านหนังสือ เตรียมตัวมาดีน่าจะทำได้ เพราะรับจากวุฒิมัธยม 6 และใช้ความรู้ทั่วไปในวิชาภาษาไทย สังคม ประวัติศาสตร์ รวมถึงภาษาอังกฤษ ตอนแรกเข้าใจว่า ต้องมาทำงานประทับตราหนังสือเดินทางตามด่านตรวจคนเข้าเมือง ทำไปทำมาผู้บังคับบัญชาให้มาอยู่ฝ่ายสืบสวนของหน่วย

 

สนุกกับหน้างานรับผิดชอบ ตอบโจทย์ที่ท้าท้ายฝีมือตัวเอง

ผู้หมู่สาวเชอร์รี่เล่าว่า ต้องไปฝึกอบรมความรู้เพิ่มเติม 3 เดือน เกี่ยวกับยุทธวิธีตำรวจ อำนาจการทำงาน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกหลายตัว เริ่มต้นเก็บประสบการณ์จากรุ่นพี่ที่สอนให้เขียนบันทึกประจำวัน ติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับที่ติดบัญชีดำมาจากต่างประเทศ และควบคุมตัวผู้ต้องหาหญิง รู้สึกสนุก เพราะเป็นหน้างานที่ชอบ  ไม่ใช่นั่งประทับตราหนังสือเดินทาง ได้แอคชั่นเยอะ เดินตรวจทั่วสนามบินทั้งวัน

“ แต่ว่า ต้องอาศัยประสบการณ์อีกเยอะ เอาจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาทำหน้างานสืบสวน  ตอนแรก ถ้าเป็นผู้หญิง เข้าใจว่า มาทำงานพวกประทับตรา ก็ทำงานธุรการ ทว่า จริงๆ แล้ว ในหน้างานสืบสวนนอกจากผู้ชายแล้ว ผู้หญิงก็จำเป็น เพราะบางทีเราจับผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิง มันละเอียดอ่อนในเรื่องการค้น หรือการจับตัวเขา ตำรวจหญิงเลยจำเป็น ถึงกระนั้นต้องเรียนเรื่องยุทธวิธีเหมือนผู้ชายทุกอย่าง”

เธอสารภาพว่า ไม่เคยฝึกแบบนี้มาก่อน เดิมแค่ตื่นขึ้นไปวิ่งทุกเช้าตอนตี 5 ตอนหลังจะมีแบกปืนวิ่ง สวมชุดฟอร์มพร้อมกับแบกปืนไปด้วย รู้สึกว่า ค่อนข้างจะมากกว่าที่คิดไว้  ไม่คิดว่าจะต้องฝึกขนาดนี้ พอผ่านมาได้ รู้สึกว่าชอบ เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ แล้วมาอยู่ในหน้างานที่ชอบด้วย งานสืบสวนเป็นงานท้าทาย ไม่จำเจ มีประสบการณ์ใหม่ให้สัมผัสได้ตลอด

 

เลือกลงสนามบินดอนเมือง พร้อมกับเรื่องหลากหลายคดี

ส.ต.ต.หญิง ภัทราพรบอกว่า ตั้งใจไม่อยากย้ายไปไหน อยากอยู่งานสืบสวน อนาคตอาจลองสอบเลื่อนชั้นเป็นสัญญาบัตร กำลังเรียนต่อปริญญาตรีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชอีกใบ ดังนั้น หากมีลู่ทาง หรือช่องทางไหนที่เราน่าจะใช้ได้กับการทำงาน เราก็อยากทำ มาเป็นตำรวจทุกวันนี้ครอบครัวก็สนับสนุน แม่ยิ่งดีใจและภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ของผู้พิทกษ์สันติราษฎร์ ไม่เหมือนสมัยทำงานธนาคารที่แม่รู้สึกเฉย ๆ

เจ้าตัวบอกอีกว่า ความจริงตอนจบมัธยมใหม่ ๆ อยากไปเป็นแอร์โอสเตส แต่อาจเตรียมตัวน้อยเลยไม่ได้ทำ กระทั่งได้ทำงานใกล้เครื่องบินในหน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สอบได้คะแนนลำดับดีเลยมีโอกาสเลือกประจำสนามบินดอนเมือง เพราะใกล้บ้าน และคิดว่า ทำงานสนามบินเท่ดี แม้พื้นที่รับผิดชอบคุมสนามบินนานาชาติทั่วประเทศ แต่ไม่อยากไปต่างจังหวัด เพราะติดบ้าน ยังอยากดูแลแม่

ตำรวจสาวสนามบินดอนเมืองเล่าต่อว่า หน้างานส่วนใหญ่ที่เจอผู้ต้องหาจะมีทั้งคดียักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์ คดีเช็ค หรือคดีฉ้อโกง ที่มีหมายจับ เราจะเข้าควบคุมตัวส่งดำเนินคดี บางรายติดบัญชีดำ มีหมายจับติดตัวไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือต่างชาติ เมื่อข้อมูลขึ้นมาก็ต้องไปดักรอตอนเป็าหมายกำลังจะขึ้นเครื่อง โชคดีที่ยังไม่เจอผู้ต้องหาขัดขืนฮึดฺฮัด ที่เคยเจอส่วนมากมักไม่ค่อยยอมรับความผิดของตัวเอง

 

ไม่มีสิทธิตัดสินถูกผิดใคร แนะให้ไปแก้ต่างกันเอาเอง

“บางทีงงเหมือนกันนะ เพราะทุกคนต้องรู้ว่า เคยกระทำความผิดอะไรมา ปรากฏพอตรวจเจอ มักปฏิเสธอ้างไม่รู้ ไม่ใช่ตัวเอง อ้างคนอื่นเอาชื่อไปใช้ทำแทน เป็นแบบนี้แทบทุกคน ยังไม่มีใครโดนควบคุมตัวแล้วรับทันทีว่า ทำผิดจริง แต่เรามีหน้าที่นำตัวส่งดำเนินคดีตามหมายจับของศาลเท่านั้น ไม่มีสิทธิไปตัดสินถูกผิด เราจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ถ้าคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็ไปเคลียร์กับพนักงานสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม”

อดีตสาวแบงก์ที่เปลี่ยนชีวิตมารับบทตำรวจมองว่า เราจะพูดเพื่อให้เขาสบายใจ ไม่ถึงกับต้องกระโชกโฮกฮากล็อกใส่กุญแจมือ อาศัยพูดคุยทำความเข้าใจกันให้รู้เรื่องถึงเหตุผล ส่วนมากผู้ต้องหาจะโอเค ไม่ได้มีต่อสู้ขัดขืน แต่ถ้ามีสถานการณ์บานปลายถึงขนาดนั้น เราก็ไม่กังกล เพราะเราได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับยุทธวิธีมาตลอด รวมถึงฝึกยิงปืน เพียงแค่ต้องสะสมประสบการณ์จากสถานการณ์ความผันแปรในสนามเท่านั้น

“ชีวิตการเป็นตำรวจต้องเรียนรู้อีกเยอะ เหมือนกับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้เต็มรูปแบบ เนื่องจากต้องชะลอไว้ก่อน เพราะเจอกับสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ระบาดพอดี ถ้าทุกอย่างคลี่คลายคงต้องเข้าไปฝึกอบรมเพิ่มเติมอีกรอบ” เชอร์รี่ทิ้งท้าย

 

แอร์สาวสายการบินนกแอร์ เคยไม่อยากแช่อยู่กับชีวิตรับราชการ

อดีตแอร์โฮสเตสสาวอีกรายที่กลายมาเป็นตำรวจตำแหน่งผู้บังคับหมู่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 “เอื้อง” ส.ต.ต.หญิง พุทธธิดา ทองคู่ ทายาท ด.ต.ยงค์ยุทธ ทองคู่ ผู้บังคับหมู่ ธุรการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี บ้านเกิดของเธอ หลังจบมัธยมโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เข้ามาศึกษาต่อ คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองและการต่างประเทศ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบมาได้เกียรตินิยมอันดับสอง

เธอเล่าว่า ตอนเรียนจบมีโอกาสไปฝึกงานกระทรวงการต่างประเทศ รู้สึกว่า ตัวเองไม่ชอบงานราชการ ทั้งที่อยากทำงานกระทรวงการต่างประเทศ อยากเป็นนักการทูต เช่นเดียวกับพ่อที่อยากให้รับราชการ เป็นปลัดอำเภอ ไม่อยากให้เป็นตำรวจ เพราะรู้ว่า เหนื่อย พอได้ไปฝึกงานจริง ๆ กลับไม่ชอบ มองเป็นอะไรที่น่าเบื่อ คือ เรายังมีไฟ ยังอยากทำอะไรหลาย ๆ มีความกระตือรือร้นอยู่ ไม่ใช่ต้องมานั่งแช่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์

ประกอบกับวัยเด็กอยากเป็นแอร์โฮเตสอีกแรงบันดาลใจในอาชีพที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่่ฝัน เจ้าตัวถึงลองไปสมัครสายการบินนกแอร์ ไม่คิดว่าจะสอบได้ ทำไปทำมาอยู่ยาวประมาณ 7 ปี ได้ประสบการณ์ทำงานกับผู้โดยสาร ต้องมีปฏิสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารประทับใจแล้วกลับมาใช้บริการสายการบินอีก เหมือนเป็นด่านหน้า แก้ไขปัญหา ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร

สุดท้ายถึงจุดอิ่มตัว ใจระรัวติดเป็นผู้พิทักษ์เหมือนพ่อ

ทำงานสายการบินต่อสัญญา 3 ปีครั้ง เข้าปีที่ 7 เธอยอมรับว่า รู้สึกอิ่มตัว อยากมองหาอาชีพแบบไม่ต้องตื่นนอนตี 3 ทุกวัน หรือไปนอนค้างต่างประเทศหลายวัน เริ่มเบื่อการทำงานกับคนแล้ว พยายามหาโอกาสมาทำงานพื้นล่างบ้าง แต่ไม่รู้จะทำอะไร กระทั่งพ่อมาบอกว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปิดรับสมัครบุคคลภายนอกเข้าเป็นนายสิบตำรวจ ลองไปสอบไหม

“ไม่คิดหรอกว่าเราจะได้ เพราะช่วงนั้นอยู่ระหว่างวางแผนจะเป็นแอร์โฮสเตสต่อเพื่อเก็บเงินแล้วค่อยออกไปทำอะไรที่อยากทำ ปรากฏว่า สอบคิด อาจเพราะทุ่มเทอ่านหนังสือขณะบิน ลงเครื่องมาติวต่อไป สุดท้ายก็ทำได้เลยเลือกมาลงที่สนามบินดอนเมือง  จากไม่เคยคิดจะเป็นตำรวจ แม้คุณพ่อจะเป็นตำรวจ รู้สึกว่ามันไกลจากตัวเรา แถมต้องไปแข่งกับคนเป็นหมื่น คิดว่า ตัวเราไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ผลคะแนนสอบใกล้กันมาก คนมาสอบกันเยอะ และด้วยความที่เราเรียนอินเตอร์มา ไม่ค่อยเก่งภาษาไทย”

พอได้สวมเครื่องแบบตำรวจตำรวจคนเข้าเมือง เธอรู้สึกว่า เป็นอาชีพที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื้องานในหน้าที่มีอะไรท้าทายมากกว่าที่เราคิด ในแง่ของความสามารถของเราที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้จะลงมาอยู่หน้าธุรการเก็บสถิติการจับกุมของงานด้านสืบสวน ได้เห็นคดีเยอะ เห็นหมายศาลของผู้ต้องหาที่กระทำความผิดจำนวนมาก ทั้งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับอะไรพวกนี้

จำเป็นต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง บรรเลงเนื้องานตามคำสั่งอย่างเดียว

“คุณพ่อก็สอนเรา สอนให้เราอดทน  นายให้ทำอะไรก็อย่าไปตั้งคำถามเยอะ คำสั่งคือ คำสั่ง  ไม่จำเป็นต้องไปถามเหตุผล เพราะด้วยความที่เราเป็นเด็กอาจจะมีคำถามว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ เราก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ทั้งที่อาจทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากกว่า คุณพ่อจะย้ำว่า ไม่เป็นไร ทำตามที่นายเขาสั่งนั่นแหละ อันนี้จะทำให้เหมือนเราได้ฝึกตัวเองไปด้วย” หมู่เอื้องว่า

ส.ต.ต.หญิง พุทธธิดามองว่า เมื่อก่อนเคยทำงานแบบกล้าพูดกล้าแสดงความเห็น แต่พอมาอยู่ในหน้าที่นี้ทำไม่ได้ กลายเป็นเรื่องท้าทายตัวเองเหมือนกัน ต้องยอมรับระบบให้ได้ แต่พ่อดีใจมากที่เราได้เป็นตำรวจ บอกสบายใจแล้วลูก ไม่ต้องห่วงว่า เขาจะปลดเราออกตอนไหนประจวบเหมาะกับมีเหตุการณ์ช่วงโควิดพอดี คิดว่า เราโชคดีที่มารับราชการตำรวจ น่าจะมั่นคงไปตลอดชีวิต แม้เราจะแต่งงาน หรือไม่แต่งงาน พ่อแม่ไม่ต้องกังวลแล้ว

เธอเล่าว่า ก่อนหน้าพ่อห่วง ให้หาแฟน มีลูกมีเต้ามีครอบครัวได้แล้ว แต่พอมาเป็นตำรวจ พ่อปล่อยเลย คงคิดว่า แก่ตัวไปก็มีเงินบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณอายุราชการเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ห่วงอะไรมาก ส่วนตัวก็มองอนาคตคงจะอยู่สังกัดนี้ต่อไป แต่อยากเรียนรู้งานด้านอื่นๆ ที่เรายังไม่เคยทำ เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้นำไปพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้  ส่วนการสอบเป็นชั้นสัญญาบัตรคงจะลองสอบเช่นกันเพื่อจะได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง

 

อยู่กับบรรยากาศไม่คุ้นเคย ปล่อยผ่านเลยไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

“ ชีวิตพลิกไปเลย พลิกมาก รู้สึกว่า ตัวเองโชคดีแล้วที่ได้มาเป็นตำรวจ โชคดีในแง่ที่ว่า คุณพ่อ คุณแม่ไม่ต้องห่วงเราแล้ว ดูพวกเขามีความสุขที่ไม่ต้องห่วงเหมือนตอนที่เราเป็นแอร์โอสเตส จะห่วงเราเวลากลับบ้าน แล้วดึกๆ ดื่นๆ ตื่นไปบิน ทั้งที่คุณพ่อเคยเอ่ยปากว่า อย่ามาเป็นตำรวจเลยลูก แต่พอเป็นแล้วแทบจะปิดอำเภอฉลอง” ทายาทตำรวจชัั้นประทวนภาคอีสานหัวเราะ

อดีตสาวนกแอร์แทบถอดแบบชีวิตพ่อตามรอยมาทำหน้างานธุรการสืบสวนของหน่วย เธอสารภาพว่า ตอนแรกปวดหัว เพราะไม่เคยแตะคอมพิวเตอร์ ไม่เคยทำงานเอกสาร อยู่แต่บนเครื่องบินเดินบริการผู้โดยสาร กลับต้องมาอยู่กับสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย เป็นอีกหน้างานที่ได้ท้าทายความสามารถเรา ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้เหมือนกัน ทำไปเรียนรู้ได้ อาจจะช้ากว่าเพื่อน เพราะถ้าคนที่เคยเป็นงานมาแล้วจะไม่ยุ่งยากเท่าไรนัก

ส.ต.ต.หญิง พุทธธิดาทิ้งท้ายว่า ได้ผู้บังคับบัญชาดีสอนงาน แนะนำอะไรหลายอย่าง ถึงไม่กดดันอะไรมาก  บรรจุอยู่ครบปี คือความภาคภูมิใจ เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรุ่น 900 คือ มี 900 คนจากที่เปิดสมัครรับอัตรา 1,000 คน แต่สอบผ่านเกณฑ์ 60 เปอร์เซ็นต์เข้ามาแค่ 904 คน ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ไม่รับ มี 4 คนสละสิทธิ ทั้งรุ่นถึงเหลือ 900 คน ไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา และตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

 

 

 

 

 

 

RELATED ARTICLES