“การให้ครอบครัวอยู่กันยาว สิ่งสำคัญคือ ซื่อสัตย์ เชื่อใจ และอดทน รับให้ได้กับความผิดหวัง”

 

อดแม่บ้านที่สามารถสร้างไอรักปักไออุ่นให้แก่ครอบครัวจนกลายเป็นแรงกำลังส่งต่อสามีทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างยอดเยี่ยม

คุณโอ๋-ศรีวิภา นุชผดุง ภรรยา พ.ต.ท.จักรพงศ์ นุชผดุง นายเวร พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 55 ลูกสาวเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เกิดกรุงเทพมหานคร เรียนจบประถมศึกษาโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ไปต่อโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนสำเร็จชั้นปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์ สาขาเอกการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นเรียนต่อปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยไปเป็นดีกรีสู่วัยทำงาน

เธอมีความฝันตอนเด็กด้วยความที่คิดว่า เป็นคนพูดเก่ง อยากทำงานที่ได้พบปะกับคนเยอะๆ พอมาเลือกเรียนตรงกับที่อยากเป็นจึงปูทางเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทโฆษณาย่านหลังสวนตำแหน่ง เออี และยึดงานฟิวส์นี้มาตลอดหลายปี กระทั่งมีครอบครัว

คุณโอ๋ย้อนเรื่องราวความรักกับนายตำรวจหนุ่มที่เสมือนเป็นพรหมลิขิตว่า พบกันตอนเรียนปริญญาโท เราทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับตำรวจ เรื่องความพึงพอใจในการสื่อสาร ความพึงพอใจในการทำงาน และความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ที่เลือกหัวข้อนี้เพราะว่า อาจารย์อยากจะให้ทำวิทยานิพนธ์ที่เป็นประโยชน์จะเป็นเอกชน หรือรัฐบาลก็ได้เลยมองว่า ถ้าเป็นหน่วยงานราชการจะไม่ค่อยมีงบทำตรงนี้ ถ้าเป็นเอกชนก็จ้างทำวิจัยอยู่แล้ว

ภรรยาสาวสวยนายเวรหนุ่มเล่าว่า พอดีมีลูกพี่ลูกน้องเป็นตำรวจ ทำให้คิดว่า น่าจะไปเก็บข้อมูลกับตำรวจง่ายกว่า เพราะตำรวจอยู่ตามโรงพัก แม้จะไม่รู้จัก แต่ตำรวจน่าจะให้ความร่วมมือผ่านจากลูกพี่ลูกน้อง สุดท้ายมาเจอเขาที่โรงพักทุ่งมหาเมฆ ซึ่งพี่ชายทำงานอยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็นพนักงานสอบสวนยศร้อยตำรวจโท ส่วนเราต้องไปสัมภาษณ์เก็บกลุ่มตัวอย่าง

เธอยอมรับว่า ครั้งแรกเจอหน้าสะดุดตา เขาเป็นคนหน้าตาคม ผอมเพรียว แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะพี่ชายบอกว่า เขามีแฟนอยู่แล้ว ขณะที่เราไม่มีใคร มีแค่คนมาชอบ เสร็จแล้วเรากลับมาส่งวิทยานิพนธ์เรียนจบปริญญาโทก็ หายไปนานกว่า 3 ปี ตอนนั้นมีเว็บไซต์ไฮไฟว์ คนมาขอเป็นเพื่อน เราไม่รู้จักจึงไปไล่เพื่อนเลยดันเจอรูปเขาแต่งเครื่องแบบตำรวจ ตัดสินใจส่งข้อความไป ไม่กล้าขอแอดเพราะกลัวจำไม่ได้ “หนูถามเขาว่า จำได้ไหม หนูจบแล้วนะ ขอบคุณพี่ด้วย ตอนนี้วิทยานิพนธ์เสร็จหมดแล้ว จบแล้ว เขาตอบว่า อ๋อ น้องคนนั้นหรือ”

หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสานต่อขึ้นจากโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กยุคหลายปีก่อนเป็นจังหวะที่ต่างคนต่างโสดไม่มีใคร เพราะฝ่ายชายเลิกรากับแฟนสาวไปแล้ว เปิดช่องให้คุยสนิทแนบแน่นไม่ตะขิดตะขวงใจ คุณโอ๋เล่าอย่างขวยเขินว่า แรก ๆ ยังคุยกันแบบพี่น้องกันทางไฮไฟว์ เขาก็มีมาเมนท์อะไรบ่อยๆ จนเริ่มรู้สึกว่า เริ่มมาคุยทุกวัน จนเพื่อนๆ ก็ถามว่า เขาจีบเราหรือเปล่า เราก็ยังไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง กระทั่งวันหนึ่ง เขาไปอบรมที่หัวหินแล้วซื้อกางเกงมาฝากและขอนัดเจอ เราคิดว่า เขาซื้อกางเกงมา ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียด ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเป็นเพื่อนพี่ชายถึงกล้าที่จะเจอ

“ตอนนั้นเลยให้เบอร์กันแล้วก็นัดไปเจอ ขอบคุณพี่เขา แต่ในใจก็มีแอบคิดว่าพี่เขามีใจให้เราหรือเปล่า แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร จนมีเหตุการณ์ทำให้เราเหมือนเข้าข้างตัวเองว่า เขาน่าจะชอบเรา ในวันเกิดเขา มีคนมาทักในไฮไฟว์ ส่วนหนูก็ไว้ตัว หยิ่งๆ นิดๆ ประกอบกับงานเออี บริษัทโฆษณาจะยุ่ง อยู่ออฟฟิศ ถึงเที่ยงคืน ตี 1 เป็นปกติ เขารู้ว่า หนูยังทำงานอยู่ ก็บอกว่าจะซื้อแมคโดนัลด์มาให้กิน มาถึงก็เพิ่งเป็นวันเกิดเขา พอเขาบอกก็เลยแอบคิดในใจว่า เราคงสำคัญถึงอยากเจอในวันเกิดเขา” อดีตสาวโฆษณาเริ่มเปิดฉากรักหวาน

“เขาว่า ลองคบกันดูไหม หนูก็บอกโอเคนะ แต่ถ้าจะมาเล่นๆ ก็อย่าเลย เพราะมันเสียเวลา เสียความรู้สึกเปล่าๆ ลองคุยกัน ศึกษากันดู ถ้าเป็นแฟนกันได้ก็เป็นแฟน ถ้าไปกันไม่ได้ก็เป็นพี่เป็นน้องกันไป โชคดีมีพี่ชายคอยสกรีนพฤติกรรมเพื่อยืนยันว่า เขาเลิกกับแฟนแล้ว เขาไม่มีใครแล้ว”

ระหว่างคบหาดูใจกัน ฝ่ายหญิงเล่าว่า ตัวเองงานยุ่งมากกว่าเขา แต่ก็รู้สักประทับใจเขา เพราะเวลาจันทร์-ศุกร์ เราจะกลับบ้านดึกตลอดประมาณ 4-5 ทุ่ม แทบจะไม่ค่อยได้เจอ เขาก็จะเอาขนม ช็อกโกแลตมาให้ที่รถโทรมาว่าให้ลงมาหาได้ไหม อย่างเวลาท้อ ๆ เขาก็โทรมาให้กำลัง แต่เราบางทีงานติดพัน ประชุมอยู่ไม่มีเวลาให้ หัวหน้าก็ซีเรียส เป็นผู้หญิงที่อายุเยอะแล้วไม่แต่งงาน ทุ่มเทกับงานมาก รู้ว่า เรามีแฟน ยังบอกว่า จะดีหรือ

มันเป็นความทรงจำประทับใจที่เธอตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตคู่ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยคิดชอบตำรวจ ไม่คิดว่าต้องได้แฟนเป็นตำรวจ วางสเปกตัวเองชอบนักธุรกิจ ชอบคนสูง ขาว ตี๋ ขรึมๆ ตรงกันข้ามกับฝ่ายชายเลย เธอบอกว่า ชอบเขา เพราะเขารักครอบครัว และไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ จะสังสรรค์บ้างก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส เป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย และเสมอไป จะทะเลาะกันก็มีบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใหญ่เรื่องเวลา คบกันประมาณปีครึ่ง ก็แต่งงาน เมื่อเขามาขอ และพาไปที่บ้านให้พ่อแม่ดูตัวบอกชอบผู้หญิงคนนี้นะ

“หนูถือว่าเป็นแฟนคนแรกเลยนะ เพราะที่ผ่านมาก็มีศึกษาดูบ้าง สมัยก่อนพ่อจะพูดให้เรารู้สึกกลัวผู้ชาย ตอนเรียนไม่ให้คบใคร พ่อห่วงมาก ไม่อยากให้มีความรักยันโต พอหนูโตก็มองว่า ยังไม่เปิดใจให้ใคร ถ้ามันไม่ใช่จริงๆ ก็ตัดเลย ถ้าคุยกันแล้ว รู้สึกโอเค ไม่ได้มีอะไรมากก็แต่งงาน เหมือนสามีที่คุยกันแต่แรกแล้วว่า ถ้าจะคบก็ไม่ต้องมาเฟคใส่กัน เพราะถ้าเฟคก็เสียเวลา ถ้าแต่งงานก็อยากไปกันให้ได้ยาว ถ้าแต่งงานกันก็จะเฟคไปไม่ได้ตลอดชีวิต ก็เป็นตัวของตัวเองกันไป”  เธอสีหน้าจริงจัง

ชีวิตแต่งงานเป็นแม่บ้านตำรวจเต็มตัว สามีย้ายเป็นสารวัตรอยู่โรงพักบางศรีเมือง นนทบุรี เริ่มทำงานไม่เป็นเวลา ก่อนโยกเป็นสารวัตรสืบสวนพระประแดง งานยิ่งเยอะเวลาครอบครัวยิ่งน้อย แถมงานเริ่มเสี่ยง ทำให้คุณโอ๋รู้สึกอึดอัดและเป็นห่วง แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของสามี เคยอยากให้สามีเปลี่ยนสาย ไม่ต้องเสี่ยง เนื่องจากตอนนั้นเริ่มตั้งท้องแล้ว สุดท้ายไม่สำเร็จ เหตุผลที่เขาบอกกับเธอ คือ ชอบงานสายสืบ เขาไม่ใช่คนพูดเก่งที่จะไปทำกิจกรรมงานมวลชน หรือจราจร ไม่ชอบแต่งเครื่องแบบ เพราะฉะนั้นเป็นเมียตำรวจก็ต้องอดทน

คู่ชีวิตนายตำรวจหนุ่มบอกว่า บางทีต้องรับให้ได้กับความผิดหวัง นัดไปกินข้าวกัน แต่งตัวรอแล้ว ปรากฏว่า เขาก็โทรมาบอกว่า ไปไม่ได้แล้ว เราก็รู้ว่าเขาต้องไปทำงาน แต่มันก็อดจะมีความรู้สึกไม่ได้ ไปเดินห้างกันอยู่ กินข้าวเดินเล่น มีงานตามอีกก็ต้องกลับ เพราะงานสืบมันมีมาตลอด หลายๆ ครั้งก็เข้าใจเขา แต่หลายๆ ครั้งก็มีความรู้สึก อดคิดไม่ได้ว่า ผิดหวัง เซ็งนะ ยังเคยคิดเปรียบเทียบอย่างแฟนเพื่อน เขาทำงานกันเป็นเวลา สามารถแพลนชีวิตได้ อย่างเราแค่นัดเพื่อนกินข้าว หรือจะแพลนไปไหนไกลๆ บางทีก็แพลนไม่ได้ เพราะไม่แน่นอน หรือขนาดวางแผนไว้แล้ว ยังไปไม่ได้ ก็ต้องยอมรับกับความผิดหวัง ความไม่แน่นอน

 

เธอกับเขามีพยานรักแสนน่าเอ็นดูอยู่ 1 คน คือ น้องเอย-ศรินทร์นิภา นุชผดุง มีส่วนทำให้เธอต้องออกจากงานประจำมาเลี้ยงลูกเต็มตัว หันมารับงานเซลส์ติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตกินค่าคอมมิชชั่น แม้รายได้ในครอบครัวจะลดลอง แต่คุ้มค่าในการสละเวลาเพื่อลูก “ เลี้ยงลูกมันก็เหนื่อย บางครั้งมีอารมณ์กับลูก ต้องรองรับอารมณ์ เคยทำงานมาก่อน เคยเจอเพื่อนฝูง เคยแต่งตัวทุกวัน พออยู่บ้านก็หายไปเลยชีวิตตรงนี้ แต่พอเสาร์ อาทิตย์ เขาก็ชดเชยให้ พาไปเที่ยว หรือเลี้ยงลูก แล้วให้เราออกไปข้างนอกกับเพื่อนอย่างงี้ ไม่งั้นมันก็จะเครียดเกินไป”

คุณโอ๋บอกถึงหลักการประคองชีวิตครอบครัวตำรวจว่า เขาเป็นตำรวจ ด้วยอาชีพเขาจะออกไปก็ไปเมื่อไรก็ได้ จะกลับกี่โมงก็ได้ แล้วเราโทรไปไม่รับก็ได้ มันก็ไม่ผิด เพราะเขาทำงาน สำคัญ คือ ความซื่อสัตย์ เพราะว่าถ้าไม่ซื่อสัตย์ มันก็จะมีความระแวง อะไรต่างๆ ตามมา “สมมติถ้ามีเหตุทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่นะ หรือว่ามีอะไรกุ๊กกิ๊ก ทำให้เราสมมติเขาไปทำงานจริงๆ เราก็ต้องมานั่งระแวงว่า เขาไปจริงหรือเปล่า มันไม่มีความสุขในการคบกัน การให้ครอบครัวอยู่กันยาว สิ่งสำคัญ คือ ซื่อสัตย์ เชื่อใจ และอดทน รับให้ได้กับความผิดหวังนี่แหละ เช่นเดียวกับการให้อภัยกัน”

สะใภ้บ้านนุชผดุงมองว่า คนเราอยู่ด้วยกันสองคน กระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา มีอะไรก็ต้องคุยกัน เปิดอกคุยกันว่า ที่ผ่านมา มีตรงไหนไหมที่เราทำพลาดไป พูดอะไรที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี หรือช่วงนี้เราหงุดหงิดอะไรไปหรือปล่า หรือไม่ได้ดูแลอะไรเขาก็ต้องพูดด้วย ถ้าเกิดเก็บๆ เอาไว้สักวันหนึ่งมันก็จะระเบิด แต่แฟนเขาจะเป็นคนไม่พูด เขาจะเก็บ จนวันหนึ่งเขามาพูด เราก็บอกว่า เราไม่เคยรู้ เลยคุยกันว่า ต้องพูดนะ อย่าคิดว่า ผู้ชายต้องยอมผู้หญิงทุกเรื่อง

 

“เหมือนที่ครั้งหนึ่งหนูเคยเสนอให้เขาย้ายสายงาน แต่เขาจะบอกว่า ไม่ถนัดงานอื่น ชอบงานสืบสวน มันสนุก ท้าทาย หนูเลยมาคิดว่า อยากให้เขาทำในสิ่งที่ชอบ หนูเชื่อว่า ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน คือ ได้ภรรยาสนับสนุน เพราะเวลาเขาจับคดีอะไรมาก็จะโทรมาเล่าให้ฟังด้วยอารมณ์ดีใจ หนูถึงภูมิใจในตัวเขา ภูมิใจที่มีสามีเป็นตำรวจ” เธอทิ้งท้ายฝากเป็นแงคิดของหลังบ้านนักสืบทุกคน

 

 

RELATED ARTICLES