“การวางตัวของนักข่าวต้องอยู่ในความเหมาะสม”

รรดาเหยี่ยวข่าวอาชญากรรมในเมืองหลวง

น้อยคนจะไม่รู้จัก “ป๋อม”ไกรพงษ์ อาทรธำรงค์ ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวอาชญากรรมหนังสือพิมพ์สยามรัฐที่มีสัญลักษณ์ “ปานแดง” อยู่บนใบหน้า หากทว่าฝีไม้ลายมือและประสบการณ์ในสนามไม่เป็นสองรองใคร

ถึงขนาด พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต สมัยเป็นสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามยังตั้งฉายายกให้เป็น “สายลับสองหน้า”

ชีวิตวัยเด็กของไกรพงษ์ ไม่เคยนึกฝันจะมายืนถึงจุดที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ เกิดกรุงเทพฯ เป็นลูกชายทหารนักรักที่ขับรถให้ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ ถึงมีพี่น้องต่างมารดาอีก 2 คน เริ่มเรียนประถมศึกษาโรงเรียนวัดสร้อยทอง จับกลุ่มเพื่อนเกเรออกนอกลู่นอกทางสารพัด สร้างวีรกรรมโดดสะพานพระราม 6 ลงแม่น้ำเจ้าพระยา เกาะเรือด่วนเป็นลิงทะโมนตามประสาเด็กแทบทุกวัน

พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดวิมุตยาราม กล้าหาญชาญชัยพาก๊วนนักเรียนขาสั้นยกไปตีกับช่างกลบางซ่อน และช่างกลพระราม 6 ชิงความเป็นเจ้าในถิ่นกำเนิดเข้าตำราพวกมากลากไป กระทั่งเฉียดตาย เพราะพิษเหล้าเมาแล้ววิ่งตัดหน้ารถแท็กซี่ถูกชนกระเด็นทำเพื่อนตกใจพาส่งโรงพยาบาลวชิระและคิดว่าตายแน่นอน หากบังเอิญวันนั้นมัจจุราชฮอลิเดย์พอดี เขาเลยแค่ขาเดี้ยง

หลังจบมัธยมต้นเลือกต่อสายวิชาชีพเข้าโรงเรียนพงษ์สวัสดิ์พณิชยการ ย่านพิบูลสงคราม เมืองนนทบุรี เพราะมองอนาคตว่า อยากทำงานค้าขาย เห็นคนข้างบ้านขายก๋วยเตี๋ยว ขายอะไรหลายอย่างรวยกันเยอะ ไม่ได้หวังสูงไปทำงานอื่นตามสถานะของครอบครัว ไม่นึกว่าจะมาเป็นสื่อมวลชนด้วยซ้ำ

กระทั่งคว้าวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. น้าชายเป็นทหารคนสนิท พล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา ฝากไปอยู่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทำงานเป็น “ออฟฟิศบอย” เดินเอกสารกลายเป็นจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางอาชีพนักหนังสือพิมพ์เต็มตัว

เจ้าตัวเล่าว่า ทำหน้าที่เดินเอกสารควบคู่กับคอยหมุนเวียนนั่งฟังวิทยุสื่อสารตำรวจ เนื่องจากคนไม่พอ อยู่ประจำเวรเวลาบ่ายสามถึงห้าทุ่ม มีเหตุการณ์อะไรให้จดไว้แล้วไปบอกหัวหน้าข่าว จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกอาวุธของกองทัพพลิกคว่ำที่พัทลุง เราก็จดรายละเอียดให้หัวหน้าไปเสนอต่อหน้า 1 กลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ฉบับเดียว รายละเอียดครบถ้วนหมด

“ผมโทรไปโรงพักอ้างว่า อยู่สำนักงานนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ขอรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะนายอยากทราบด่วน อำเขาเลย ตำรวจร้อยเวรก็ต้องรีบกุลีกุจอหาข้อมูลมาให้มากที่สุด รุ่งเช้ามีแนวหน้าฉบับเดียวที่ขึ้นพาดหัวข่าว ชนะทุกฉบับ” คนข่าวหน้าปานบอกถึงเทคนิคการหาข่าวที่เขาใช้เป็นคาแรกเตอร์ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้

“มันเป็นเพราะผมอยากได้ข้อมูลลึกที่ดีกว่าคนอื่นก็เลยเกิดไอเดีย ต้องอำเขา สมัยก่อนโทรศัพท์เช็กไม่ได้ว่าเบอร์ไหนโทรมา พอลองทำหลายครั้งก็สำเร็จเกือบทุกครั้ง ตำรวจโรงพักไม่ค่อยกล้าย้อนเช็กหรอกว่า นายให้ลูกน้องโทรมาถามจริงหรือไม่ ทำให้ผมได้ข่าวเอ็กซ์คลูซีฟมาแล้วมากมาย เป็นข่าวที่ตำรวจมักจะปิดไม่อยากให้สื่อมวลชนรู้”

ผลงานข่าวชิ้นแรกในชีวิตของเขา หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังนำไปเขียนในบทความคอลัมน์ “ซอยสวนพลู” หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ชมแนวหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องนี้สมบูรณ์แบบที่สุด อายุษ ประทีป ณ ถลาง หัวหน้าข่าวแนวหน้าเลยนำเสนอผู้ใหญ่ในโรงพิมพ์ ให้ไกรพงษ์มาลองฝึกงานตระเวนข่าวอาชญากรรม เพราะเห็นแววและไหวพริบปฏิภาณในการทำข่าวที่มีอยู่ในตัว

ตระเวนอยู่หลายปี ไกรพงษ์บอกว่า เรียนรู้ประสบการณ์ในการหาข่าวจากรุ่นพี่สำนักอื่นมากมาย เวลามีเหตุฆ่ากันตายเขาก็ลองให้เราทำดู รุ่นพี่จะแนะนำว่า ต้องมีรายละเอียดอะไรบ้างสำหรับข่าวอาชญากรรม เช่น ต้องจดชื่อร้อยเวร เวลา สถานที่ และเหตุการณ์ การสอบปากคำพยานแวดล้อม ทำให้เขาดูแล้วพิมพ์ให้เขา อันไหนขาดตกประเด็นเขาก็จะมาเสริม ทำให้เราได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวมาเป็นวิชาให้แน่นขึ้น

อดีตนักข่าวมือดีของแนวหน้าบอกอีกว่า ต่อมาโดนส่งไปประจำอยู่กองปราบปราม สามยอด ยุค เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผู้การ แนวหน้าสมัยก่อนไม่มีนักข่าวประจำกองปราบปราม มันเหมือนเป็นดินแดนสนธยาต้นสังกัดถึงไม่อยากส่งนักข่าวเข้าไปอยู่ หลายฉบับจะใช้จ้างสติงเกอร์ส่งข่าวแทนดีกว่า พอไปอยู่จริงก็สนุก แม้ตอนแรกไปใหม่ๆ ต้องเป็นเบ๊ให้นักข่าวรุ่นพี่ใช้ แต่พวกเขาก็สอนการใช้ชีวิตนักข่าวกองปราบ ทำทั้งข่าวทั่วไป และข่าวเอ็กซ์คลูซีฟที่ต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่แหล่งข่าว เขาถึงจะกล้าบอก

ประจำอยู่กองปราบนาน 3 ปี กองบัญชาการตำรวจนครบาลขาดนักข่าวประจำ ไกรพงษ์ถูกได้รับความไว้วางใจให้ย้ายไปอยู่แทน แสดงฝีไม้ลายมือกับมุกเด็ดโทรศัพท์อำตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจนปั่นป่วนเวลาไปเก็บหลักฐานคดีลักทรัพย์บ้านบุคคลสำคัญแล้วข่าวรั่วเป็นประเด็นพาดหัวหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำ

แต่แล้วก็ไม่วายถูกมรสุมชีวิตเล่นงานสะบักสะบอม เมื่อมีนักข่าวรุ่นพี่สำนักเดียวกันไปฟ้องผู้ใหญ่ในโรงพิมพ์หาว่า เขาไปใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในรั้วนครบาล ทำให้เสื่อมเสียสถาบัน “ผมไม่มีภาระครอบครัว เคยมีลูกเมียสมัยเรียนพาณิชย์ แต่พอมาทำข่าวก็เลิกรากันไป เพราะผมไม่มีเวลาให้เขา ผมถึงนอนไหนก็ได้ เลือกกินนอนตั้งแต่อยู่กองปราบแล้ว คิดว่า เวลามีข่าวได้ข่าวอะไรก็จะไวกว่าฉบับอื่น มีกล้องตัวเดียวไปทำข่าวได้สบาย ผู้ใหญ่กลับหูเบาไม่เข้าใจ เรียกไปเตือน ให้ทำทัณฑ์บนเซ็นหนังสือรับทราบคาดโทษไว้”

“รู้สึกน้อยใจนะ เราทำงานอยู่ที่นี่ มีข่าวเดี่ยวตลอด เวลามีข่าวอะไรก็จะโทรบอกหัวหน้าข่าวว่า เราอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ บางทีก็ติดรถตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกไปพร้อมกัน ออฟฟิศกลับไม่ฟังเหตุผล ผมไปกินนอนอยู่บ้านเพื่อนพักใหญ่ สุดท้ายโดนฟ้องอีกว่า ผมไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้ใหญ่แอบมานอนในนครบาลอีก ผมอยากบอกว่า ตรงนี้มันเหมือนบ้านเราแล้ว นายพลตั้งแต่ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ยันชั้นประทวนก็รู้จักผมหมด ตอนหลังก็โดนออก มีเงินชดเชยให้ 2 เดือน น้อยใจมาก ทำผลงานไว้ให้มากมาย ผู้ใหญ่ไม่เห็น” ไกรพงษ์ระบายความชอกช้ำในอดีต

ตกงานอยู่ไม่นาน โชคดีมีพรรคพวกเป็นนักข่าวรุ่นน้องอย่างพิชัย ศรีรัตนวงศ์ หัวหน้าข่าวอาชญากรรมหนังสือพิมพ์สยามรัฐที่เล็งเห็นความสามารถและกำลังขาดคนพอดีเลยชวนไปทำงานริมถนนราชดำเนินด้วยเปลี่ยนค่ายไปสังกัดสยามรัฐทำหน้าที่เป็นรีไรเตอร์ คอยรับข่าว และปิดหน้าข่าวอาชญากรรม ไต่เต้าจนเป็นผู้ช่วยหัวหน้าข่าวอาชญากรรม ทั้งที่ก่อนหน้ามีผู้ใหญ่เสนอเก้าอี้หัวหน้าให้ด้วย แต่ตัวเองปฏิเสธ เพราะมองว่า วุ่นวาย ความรับผิดชอบสูง

ตลอดระยะเวลาเกินกว่า 30 ปีที่คลุกคลีอยู่บนสนามข่าวเหตุการณ์มากมาย มีหลายข่าวที่เขารู้สึกประทับใจที่ฝากผลงานตัวเองปรากฏลงหน้าหนังสือพิมพ์ อาทิ ข่าวยิงถล่มฆ่าเจ้าพ่อเมืองหลวงแคล้ว ธนิกุล ข่าวเครื่องบินเลาดา แอร์ตกที่ด่านช้าง สุพรรณบุรี ข่าวเพลิงนรกเผาโรงงานตุ๊กตาเคเดอร์คร่าชีวิตสาวโรงงานนับร้อย อำเภอสามพราน นครปฐม ข่าวน้ำป่าหลากวังตะไคร้ นครนายก

เคยได้รางวัลข่าวยอดเยี่ยมของชมรมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรม ตอนอยู่สยามรัฐเป็นข่าวขบวนการตุ๋นซื้อบัตรเติมเงินที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนชัชวาลย์ คงอุดม เจ้าของสยามรัฐแล้วส่งให้ไกรพงษ์ไปเกาะติดข่าวมาตีแผ่ ส่วนอีกข่าวเป็นคดีพ่อเลี้ยงชาวพม่าฆ่าลูกเลี้ยงวัย 14 ขวบฝังดินอำพรางคดี เหตุเกิดอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร แม่ของเด็กมาร้องเรียน ชัชวาลย์มอบให้โต๊ะอาชญากรรมไปตามสืบคดีนี้อีก

“ผมลงพื้นที่ไปทำเอง แกะรอยนาน 2 สัปดาห์ได้เบาะแสจากชาวบ้านว่า พ่อเลี้ยงชาวพม่าเป็นผู้ต้องสงสัยอุ้มเด็กหายไป เราก็ตามตลอดจนพบศพเด็กผู้หญิงนิรนามถูกฝังอยู่ราชบุรีอายุไล่เลี่ยกับเด็กคนนี้ ผมก็ไปดู ถ่ายรูปศพมาหาตำรวจกระทุ่มแบน และแม่เหยื่อดูก็ยืนยันว่าใช่ เปิดเกมเล่นหน้า 1 มาตลอด ตำรวจก็ขอหมายจับพ่อเลี้ยงโหดระหว่างทำงานอยู่ในเรือประมง มหาชัย มันฆ่าเพราะจะข่มขืนลูกเลี้ยงสาว โหดอำมหิตมาก” ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวอาชญากรรมสยามรัฐจำติดตา

ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่มีข่าวไหนประทับใจ และยิ่งใหญ่เท่าข่าวสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต ไกรพงษ์เล่าว่า ตอนนั้นยังอยู่แนวหน้า เดินเล่นแถวบางลำพูเวลาประมาณบ่ายสอง โรงพิมพ์โทรศัพท์เข้ามาหา ถามว่าอยู่ไหน ก็บอกอยู่บางลำพู เขาบอกมีงานสำคัญด่วน ให้ไปซื้อเสื้อผ้า เสื้อเชิ้ตดำ กางเกงขายาวสีดำ เน็กไทดำ เพราะต้องการให้ไปทำข่าวสมเด็จย่าสวรรคต ทำตั้งแต่เคลื่อนพระศพออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปถึงพระบรมมหาราชวัง

เขาบอกว่า รู้สึกภูมิใจที่หัวหน้าข่าวเห็นความสำคัญของเราว่าน่าจะทำได้ เพราะปกติมีหน้าข่าวสตรี มีคนเสนอตัวอยากไปทำหลายคน เราไปทำข่าวอยู่ตรงนั้น รู้จักรุ่นพี่หลายคนสอนในการทำข่าวราชสำนัก ต้องวางตัวอย่างไร ช่วงอยู่ในพระบรมมหาราชวังก็มีภาพประทับใจที่เห็นในหลวง พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา “มีอยู่วันระหว่างสมเด็จพระเทพฯ เสด็จผ่านท่ามกลางประชาชนที่รอเข้าเฝ้าจำนวนมาก ผมอยู่อีกบล็อกของสื่อมวลชน พระองค์ทรงทอดพระเนตรมายังผม คงแปลกใจหน้าผมเป็นอะไร แต่ผมภูมิใจนะ”

ทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 13 ปี ที่ไกรพงษ์ยังคงใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในนครบาลยิ่งกว่าบ้านของตัวเอง เขายอมรับว่า ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาอยู่ในวงการนี้ได้ เพราะคนอื่นอยากจะก้าวมายืนจุดนี้เหมือนเรา มันยังไม่ง่าย ปัจจุบันยังเห็นน้องนักข่าวรุ่นใหม่ไม่ทำตามอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชายเวลาใหม่ ๆ เจอรุ่นพี่ยกมือไหว้ทักทายดี พอมาถึงจุดหนึ่งที่ตัวเองคิดว่าเก่ง คิดว่าแน่ ทั้งที่ไม่ได้ถือว่าสุดยอดก็ปลีกตัวไปเดินกร่างเข้าสถานบริการแขวนบัตรสื่อมวลชนเบ่งไปทั่ว มันน่าเกลียด เสียสถาบัน

“เมื่อก่อนผมก็เคยเป็น ผู้ใหญ่ก็เตือนว่า ไม่ดี ยิ่งเราเบ่งแล้วมีคนจำหน้าได้ มันเป็นจุดเด่นของตัวเองอยู่บนใบหน้า พอไปทำอะไรก็มักจะถูกตำหนิ มีโทรมาฟ้องพฤติกรรม ดังนั้นการวางตัวของนักข่าวต้องอยู่ในความเหมาะสม คล้ายกับเวลาทำงาน ข่าวธรรมดาทั่วไปก็แบ่งกันได้ ถ้าข่าวเดี่ยวแล้วแต่บุคคล มันเป็นผลงานของเขา ถ้ามีเพื่อนสนิทกันก็บอกได้ว่า จำเป็นต้องขอเดี่ยว เพราะผู้ใหญ่สั่งมา ถ้ารั่วไปถึงฉบับอื่นเราก็ตาย ถูกทัณฑ์บน ต้องเข้าใจกันบ้าง อาจถึงขั้นถูกพักงาน โดนไล่ออก มันเป็นส่วนของงานเรา” ตำนานนักข่าวสายลับหน้าปานฝากถึงคนข่าวรุ่นหลัง

 

 

RELATED ARTICLES