“เป็นแฟนตำรวจต้องเข้าใจเรื่องเวลา เพราะกำหนดเองไม่ได้”

รอบครัวอบอุ่นเพราะมีทุนเดิมของชีวิตคู่พ่อแม่หนุนนำเป็นต้นแบบ

คุณก้อย-ลัลนารี สิริสุขะ ภรรยาสาวคนสวย พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผู้กำกับการตรวจคนคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี นายตำรวจหนุ่มน้ำดี นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 51 กำลังมีความสุขที่ได้ดูแลลูกชายฝาแฝดแบ่งเบาภาระสามี

เธอเป็นทายาทคนโตของ พล.อ.พัฑฒะนะ พุธานานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก หลังจากจบโรงเรียนสตรีวิทยา เข้าศึกษาต่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนบินไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารที่ประเทศอังกฤษ กลับมาทำงานบริษัทเอกชนสักระยะ พ่ออยากให้เข้ารับราชการทหารเลยสมัครบรรจุจนติดยศ ร.ท.อยู่กองต่างประเทศ กรมข่าวทหารบก ตัดสินใจลาออกด้วยความรู้สึกที่ว่า ไม่ใช่ตัวเอง

“ความจริงตอนเด็ก ก้อยอยากเรียนพวกศิลปะ มัณฑณศิลป์ ก่อนหันไปชอบภาษา เพราะเรียนได้ค่อนข้างดี ถึงเลือกสอบเข้าอักษรศาสตร์” เจ้าตัวว่า “ ที่ออกจากทหารไม่ใช่ถึงกับเบื่อหรอกนะ เพราะจริง ๆ อยู่กับคุณพ่อก็ไม่ได้เป็นนายทหารที่เคร่งครัดระเบียบวินัยกับลูกมากนัก อาจเพราะเห็นก้อยเป็นลูกสาวด้วย แต่ก้อยอยากทำงานด้านอื่น ทำธุรกิจกับเพื่อนน่าจะเหมาะกับตัวเรามากกว่า”

คุณก้อยบอกว่า ออกไปทำนิตยสาร VOLUME  และลงทุนเล่นหุ้น ทำธุรกิจส่วนตัวมาเรื่อย กระทั่งมีลูกเลยหยุดทุกอย่าง เอาเวลามาทุ่มเทให้ลูก ไม่อยากปล่อยให้พี่เลี้ยงโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล อาจเป็นเพราะเราแม่เสียไปตอนเด็ก สามีก็เหมือนกัน เราทั้งคู่ถึงรู้ซึ้งถึงอารมณ์ของเด็กที่ขาดแม่เป็นอย่างดี จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาให้กับลูกมากที่สุด

สำหรับเรื่องราวความรักของลูกสาวอดีตรองแม่ทัพทหารบกกับนายตำรวจหนุ่มหล่อลูกนายทหารด้วยเช่นกันเริ่มต้นจาก เพื่อนเป็นแม่สื่อแนะนำให้รู้กันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายชายทักทายแล้วส่งเพื่อนมาขอเบอร์โทรศัพท์ เธอยอมรับว่า ตอนแรกไม่รู้เป็นนายตำรวจ รู้แค่เป็นพี่ชายดาราดัง 2 คน คือ ปูเป้ กับเชอรี่ คุยกันแล้วโอเค เพราะพ่อเขาเป็นทหารเหมือนกัน เป็นลูกคนโต แม่เสียไปนานแล้ว เมื่อมีอะไรหลายอย่างที่เข้ากันได้จึงคบหาดูใจกัน

ใช้เวลาประมาณ 3 ปี ระฆังวิวาห์ดังขึ้น ขณะนั้นฝ่ายชายเป็นสารวัตรอยู่กองปราบปราม ก่อนย้ายไปสังกัดทางหลวง ถามว่าการเป็นภรรยาตำรวจเหนื่อยหรือไม่ คุณก้อยน้ำเสียงหนักแน่นตอบว่า โชคดีที่พื้นฐานครอบครัวเราใกล้เคียงกันอยู่แล้ว เห็นการรับราชการแบบพ่อเป็นต้นแบบ แต่ก็รู้สึกว่า อาชีพตำรวจมีความเครียดเยอะมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับเนื้องาน เพราะงานตำรวจเป็นงานที่ต้องเจอกับคนที่เดือดร้อนมาหา หรือไม่ก็ต้องเจอพวกที่ไปทำร้ายคนอื่นมา เช่น โจร ผู้ร้าย อะไรต่างๆ แถมเป็นอาชีพที่มีความคาดหวังจากสังคมสูง แล้วเหมือนบางคน บางส่วนก็อคติอีก เลยรู้สึกว่า ตำรวจเป็นอาชีพที่เครียด

“ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้ว่า ตำรวจจริงๆ ทำงานอะไรยังไง แต่พอมาสัมผัสก็รู้สึกได้กับคนที่พูดว่า ตำรวจอย่างนั้นอย่างนี้ ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย บางคนบอกว่า ตำรวจไม่ดี วิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา  แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เช่น บอกว่าตำรวจเจ้าชู้ แต่กับสามีก็รักครอบครัวดี ถ้าพูดถึงเรื่องเจ้าชู้ ก้อยว่า มันมีในตัวเหมือนกันทุกคน แต่มากน้อยอาจต่างกัน บางทีเห็นของสวยงามทว่า เราไม่ได้ทำอะไรต่อ รู้สึกผิดชอบต่อครอบครัว คือ มันก็เจ้าชู้ได้”

ทั้งคู่แต่งงานกันราว 2 ปี กำเนิดลูกชายฝาแฝด 2 คน คือ น้องภพ-บวรภพ สิริสุขะ และน้องภัค-บวรภัค สิริสุขะ ปัจจุบันอายุ 7 ขวบ กำลังศึกษาอยู่โรงเรียน ณ ดรุณ แม่บ้านสาวเล่าว่า ด้วยความที่มีบุตรยากจึงไปปรึกษาหมอ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนอยากมีลูก แต่พ่ออยากอุ้มหลาน ปรากฏว่า ได้แฝดเลย ทำให้ปู่กับตามีความสุขมาก เราก็มีความสุขด้วย

ถึงกระนั้นก็ตาม คุณก้อยว่า มีลูกแล้ว ชีวิตก็เปลี่ยน แต่รู้สึกดีที่เราเลือกลูก เพราะเรามีเงินเก็บ มีอะไรที่โอเคหมดแล้วจึงทุ่มให้ลูกเต็มที่ ทุกวันนี้จะไปรับ ไปส่งเอง แม้จะมีคนขับรถ แต่อยากไปรับไปส่งเองมากกว่า เพราะตอนเด็กสมัยเรา แม่ก็ไปรับไปส่งเอง พอไปรับไปส่งก็เหมือนได้พูดคุยกันกับลูกระหว่างขับรถ ได้เปิดเพลงคุยกันทุก รู้สึกว่า ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงที่อบอุ่น ช่วงเวลาดีๆ ที่แม่กับลูกคุยกันไป สามีก็คิดตรงกัน ถ้าว่างก็จะไปส่งลูกตอนเช้า ไปรับลูกตอนเย็น ใช้เวลาช่วงรถติดคุยกับลูก ใช้ชีวิตในรถคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้

ภรรยาสาวผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองเล่าอีกว่า ที่บ้านจะมีพี่เลี้ยง แต่ลูกไม่ติดพี่เลี้ยง เพราะพ่อแม่อยู่กับลูกเสมอ ลูกจะก๊อปปี้พ่อมา เหมือนเห็นพ่อเป็นไอดอลของพวกเขา มักรอพ่อกลับมาบ้านมาทำกิจกรรมด้วยกัน ไม่ว่าจะเล่มเกม ดูฟุตบอล แต่พอพ่อย้ายไปต่างจังหวัดเวลาน้อยลง เขาก็พยายามตีรถกลับมาหาตลอด มาเจอลูก มาเล่นกับลูกแล้วก็กลับไปทำงาน

เธอสารภาพว่า งานตำรวจเป็นงานที่หนัก วันหยุดเทศกาล ไม่ว่าปีใหม่ สงกรานต์จะไม่ได้อยู่กับครอบครัว สมัยสามีเป็นตำรวจทางหลวงยิ่งชัด เพราะต้องอำนวยความสะดวกการเดินทาง เราจะชินกับภาพนี้ “ก้อยอยากบอกว่า เป็นแฟนตำรวจต้องเข้าใจเรื่องเวลา เพราะกำหนดเองไม่ได้ ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า เมื่อไหร่จะว่าง เราต้องคิดเสมอว่า คนเราแต่งงานเพราะรักกัน ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน คอยเอาใจใส่ความรู้สึกกัน ไม่ใช่เห็นอีกฝ่ายเป็นของตาย ต้องคอยใส่ใจกันบ้าง ทำให้เหมือนจีบกันอยู่เรื่อยๆ มีเซอร์ไพรส์บ้าง”

“ยิ่งชีวิตตำรวจไม่เหมือนชาวบ้าน ก้อยก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเทศกาล ตั้งแต่คบกันมา วันครบรอบ วันเกิดอะไรก็ไม่เป็นไร เอาวันสะดวก เอาฤกษ์สะดวกเป็นหลัก เขาก็รู้ และคิดว่า เป็นส่วนหนึ่งทำให้เขาไม่ต้องมานั่งเครียดว่า จะต้องมาทำเซอร์ไพรส์ แล้วเขาก็ไม่ใช่คนแนวนั้น เป็นแฟนตำรวจถึงต้องเข้าใจสามีเยอะๆ บางทีเขาทำงานมาเครียดแล้ว กลับบ้านก็ควรที่จะไม่ทำให้ตัวเองเป็นความเครียดของเขาเพิ่มอีก ควรจะทำให้เขากลับมาบ้านแล้วรู้สึกสบายใจ รับผิดชอบดูแลลูกเป็นหน้าที่หลักของก้อย เขาจะได้ทำงานนอกบ้านได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงพะวักพะวงว่า ลูกจะเป็นยังไงจะได้ลุยไปข้างหน้าได้”

ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันนับสิบปี คุณก้อยระบายความรู้สึกว่า ตัวเองโชคดีด้วยที่ได้แต่งงานกับเขา ประกอบกับครอบครัวเขาเป็นคนดี ครอบครัวเราก็เข้ากันได้ ปัญหาเรื่องชีวิตคู่ก็หายไปเยอะ ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้ากันได้ สามีพอไม่มีงานอะไร เสาร์-อาทิตย์จะอยู่บ้านอ่านหนังสือ นั่งเล่นเกมกับลูก เป็นความสุขแบบเรียบง่ายของครอบครัวเรา ว่างก็อาจจะออกไปหาอะไรทานบ้าง แต่ปกติจะชอบอยู่บ้านกันมากกว่า

คุณก้อยทิ้งท้ายว่า อยากให้เรื่องราวชีวิตคู่ของเราเป็นประโยชน์แก่ครอบครัวตำรวจคนอื่น ยิ่งสมัยนี้อาชีพตำรวจเป็นอะไรที่คนจับตาดูอยู่แล้ว มีอะไรก็โยนให้ตำรวจรับไปก่อน เหมือนเป็นหนังหน้าไฟ อย่างน้อยในฐานะภรรยา หากแบ่งเรื่องงานของสามีไม่ได้ เราก็ทำให้เขาสบายใจได้ด้วยการดูแลเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลหรือเครียดเรื่องลูกกับภรรยาขึ้นมาอีก

 

RELATED ARTICLES